เมื่อวันที่ 10 มกราคม 2567 นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนา
ระบบราชการ (ก.พ.ร.) และการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน (กพม.) นัดแรกของปี 2567 เพื่อพิจารณาแนวทางการขับเคลื่อนการให้บริการประชาชนผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Service) โดยกำหนดงานบริการที่มีหน่วยงานเกี่ยวข้องเป็นลักษณะงานสำคัญตามนโยบายของรัฐบาล (Agenda) ที่จะนำไปสู่การพัฒนาเป็นระบบ e-Service ที่จะอำนวยความสะดวก
ต่อประชาชน
นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การประชุมวันนี้ ที่ประชุมได้ให้ความสำคัญกับนโยบายรัฐบาล ในการขับเคลื่อนระบบราชการเพื่อยกระดับการให้บริการภาครัฐต่อประชาชนและภาคเอกชน ซึ่งได้พิจารณากำหนดงานบริการที่มีลักษณะงานบริการสำคัญตามนโยบายของรัฐบาลที่จะขับเคลื่อนในปี 2568 ในลักษณะบูรณาการระหว่างส่วนราชการ จังหวัด องค์การมหาชน และภาคส่วนอื่น เช่น
1) การขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์และจัดเทศกาลดนตรีในประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ เพื่ออำนวย
ความสะดวกในการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์และจัดเทศกาลดนตรีในประเทศไทยแบบเบ็ดเสร็จทางอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีรายได้จากการถ่ายทำภาพยนตร์ต่างประเทศในประเทศไทย จำนวน 5,853 ล้านบาท โดยการบูรณาการการขออนุญาตต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องผ่านช่องทางเดียว จะเกิดผลดีต่อเศรษฐกิจและสังคมในภาพกว้าง นอกเหนือจากเงินลงทุนและรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นแล้ว ยังทำให้คนไทยได้รับการจ้างงาน และเพิ่มทักษะและประสบการณ์ในการพัฒนาอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยสู่ระดับสากลด้วย
2) การพัฒนาฐานข้อมูลเพื่อการแก้ไขปัญหา PM2.5 โดยการบูรณาการฐานข้อมูลที่สำคัญจากหลายแหล่ง เช่น
แอปพลิเคชัน Air4Thai พื้นที่เผาไหม้ สถานการณ์การเผาของประเทศเพื่อนบ้าน สภาพอากาศ ทิศทางลม และข้อมูลดาวเทียม เพื่อนำมาวิเคราะห์ ประมวลผล ทำให้ทราบแหล่งกำเนิด PM2.5 และสามารถคาดการณ์สถานการณ์ล่วงหน้าได้เพื่อการแจ้งเตือนไปยังประชาชนและป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นได้ทันต่อสถานการณ์
นอกจากนี้ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร เผยว่าปี 2566 ที่ผ่านมา ประชาชนมีความพึงพอใจต่อการให้บริการของรัฐ
ถึงร้อยละ 83.24 และจากผลการสำรวจชี้ให้เห็นว่าประชาชนมีการใช้บริการผ่านช่องทางออนไลน์ของหน่วยงานภาครัฐสูงขึ้น
ซึ่งรัฐบาลจะได้ทำการวิเคราะห์ผลการสำรวจเพื่อนำมาพัฒนาการให้บริการของรัฐให้ดียิ่งขึ้นต่อไป
ทั้งนี้ การขับเคลื่อนการให้บริการของรัฐเพื่อให้สัมฤทธิ์ผลตามนโยบายรัฐบาลที่กำหนดไว้นั้น จำเป็นต้องมีการบูรณาการ การให้บริการทั้งภายในและระหว่างหน่วยงานของรัฐ ทั้งในแง่การปฏิบัติ ระบบการให้บริการ การเชื่อมโยงข้อมูลต่าง ๆ เพื่อลดขั้นตอนการให้บริการให้มีความสะดวกและรวดเร็ว ซึ่ง ก.พ.ร. จะเป็นกลไกที่สำคัญในการขับเคลื่อนให้เกิดการบูรณาการอย่างแท้จริง