ข่าวสาร ก.พ.ร.

สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (IGP) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) จัดประชุมรับฟังความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการจัดโครงสร้างองค์กรเพื่อสร้างความยืดหยุ่น คล่องตัว ของหน่วยงานนำร่อง

9 มี.ค. 2566
0
สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (IGP) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) จัดประชุมรับฟังความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการจัดโครงสร้างองค์กรเพื่อสร้างความยืดหยุ่น คล่องตัว ของหน่วยงานนำร่อง

เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2566 สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับสถาบันส่งเสริมการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี (IGP) และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (NIDA) จัดประชุมรับฟังความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการจัดโครงสร้างองค์กรเพื่อสร้างความยืดหยุ่น คล่องตัว ของหน่วยงานนำร่อง ภายใต้โครงการพัฒนานวัตกรรมงานบริการภาครัฐ เพื่อพัฒนารูปแบบแนวทางการจัดโครงสร้างองค์กรที่สร้างความยืดหยุ่นคล่องตัวในการบริหารราชการ โดยผ่านกระบวนการ Design Thinking ที่ให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจปัญหาและการระดมสมองของผู้มีส่วนได้เสียเพื่อหาแนวทางและออกแบบกระบวนการ โดยดำเนินการร่วมกับหน่วยงานนำร่อง 2 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และ กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ (ชธ.) โดยผู้ทรงคุณวุฒิได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับร่างต้นแบบ (Prototype) ของทั้ง 2 หน่วยงาน ในประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

1. สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.): การจัดตั้ง Water Resources Intelligence Unit (IU) เพื่อเป็น Think Tank ให้กับคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) และรัฐบาลในการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • สทนช. ควรพิจารณาถึงบริบทและปัญหาสำคัญของการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ เพื่อให้การจัดตั้ง IU สามารถสนับสนุนการแก้ไขปัญหาที่มีอยู่ได้อย่างตรงจุด และเสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับ สทนช. ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล โดยหน่วยงาน IU ควรมีบทบาทในการสนับสนุนการดำเนินงานของ สทนช. ในการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานด้านน้ำต่าง ๆ ที่กระจายอยู่หลายกระทรวง การปรับบทบาทภารกิจของหน่วยงานด้านน้ำทั้งระบบเพื่อลดความซ้ำซ้อนเชิงภารกิจ การพัฒนาระบบข้อมูลสารสนเทศทรัพยากรน้ำเพื่อการตัดสินใจในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำทุกระดับ ทั้งนี้ ในการทดลองดำเนินการของหน่วยงาน IU ควรกำหนดตัวชี้วัดที่สามารถวัดผลสำเร็จได้ ทั้งในระดับผลผลิต (Output) และผลลัพธ์ (Outcome) เพื่อใช้ประเมินความสำเร็จของหน่วยงาน

2. กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ: ภารกิจด้านการบริหารจัดการปิโตรเลียมในระบบสัญญาแบ่งปันผลผลิต (Production Sharing Contract – PSC) เพื่อให้การบริหารและจัดหาเชื้อเพลิงธรรมชาติมีอย่างเพียงพอต่อความต้องการในประเทศ

  • ในการดำเนินงานด้าน PSC บทบาทของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ จะมีทั้งบทบาทในการเป็น Regulator และ Operator ที่ต้องไปร่วมดำเนินการ ซึ่งรูปแบบวิธีการทำงาน รวมทั้งวิธีคิดของบุคลากรจะต้องเปลี่ยนไป เพื่อให้การทำงานของภาครัฐร่วมกับเอกชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ปัจจัยที่ต้องให้ความสำคัญ คือ ขั้นตอนกระบวนการที่สั้น กระชับ มีประสิทธิภาพ รูปแบบการจ้างงานที่จูงใจผู้ที่มีความสามารถในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม

โดยหน่วยงานนำร่องทั้ง 2 หน่วยงานจะนำข้อเสนอแนะและข้อสังเกตของผู้ทรงคุณวุฒิมาปรับปรุงข้อเสนอของหน่วยงาน เพื่อให้ได้ Prototype ที่เหมาะสม และนำไปทดลองดำเนินการ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นจากผู้มีส่วนได้เสีย บุคลากรภายในหน่วยงาน และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ในช่วงเดือนมีนาคม – พฤษภาคม 2566 แล้วจะนำผลการทดลองดำเนินการมาสรุปนำเสนอผู้ทรงคุณวุฒิอีกครั้ง ในช่วงต้นเดือนมิถุนายน เพื่อให้ได้แนวทางการจัดโครงสร้างองค์กรเพื่อสร้างความยืดหยุ่นคล่องตัวที่มีความเหมาะสม เพื่อที่ส่วนราชการจะได้นำไปสู่การปฏิบัติจริง และสำนักงาน ก.พ.ร. จะนำรูปแบบไปขยายผลกับส่วนราชการอื่นต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า