เมื่อวันอังคารที่ 1 กุมภาพันธ์ 2565 เวลา 10.30 น. สำนักงาน ก.พ.ร. นำโดยนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. และนายณัฏฐา พาชัยยุทธ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล ประชุมร่วมกับองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น ณ กรุงเทพฯ (Japan External Trade Organization – JETRO Bangkok) นำโดยนายทาเคทานิ อัทสึชิ (Mr. TAKETANI Atsushi) ประธาน JETRO ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อรับฟังรายงานสรุปผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย ประจำครึ่งหลังของปี 2564 (Survey of Business Sentiment of Japanese Corporations in Thailand – 2nd Half of 2021) สรุปสาระสำคัญดังนี้
1. ผลการสำรวจแนวโน้มทางเศรษฐกิจของบริษัทร่วมทุนญี่ปุ่นในไทย ประจำครึ่งหลังของปี 2564
1.1 ค่าดัชนีแนวโน้มเศรษฐกิจ (Diffusion Index: DI) ในครึ่งหลังของปี 2021 ลดลงจากครึ่งแรกของปี 2021 เนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 การขาดแคลนเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น แต่ได้ผ่านจุดต่ำสุดในปี 2020 มาแล้ว ส่วนในปี 2022 มีแนวโน้มเป็นบวกมากขึ้น เนื่องจากปัญหาดังกล่าวมีแนวโน้มดีขึ้น
1.2 การลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตมีแนวโน้มไปในทิศทางบวก โดยบริษัทญี่ปุ่นมีการลงทุนด้านเครื่องจักรเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับผลสำรวจด้านการส่งออกที่มีแนวโน้มการส่งออกเพิ่มขึ้น
1.3 ปัญหาอุปสรรคที่สำคัญของบริษัทญี่ปุ่นในไทย เช่น ราคาวัตถุดิบ ค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์และค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรที่เพิ่มสูงขึ้น ฯลฯ
1.4 ประเด็นที่ต้องการให้รัฐบาลไทยแก้ไข เช่น การดำเนินมาตรการรองรับผลกระทบจากโรคโควิด-19 การส่งเสริมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การปรับปรุงพิธีการศุลกากร การจัดเก็บภาษี การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน การรักษาเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยน และการแก้ไขปัญหาอุทกภัยอย่างจริงจัง ฯลฯ
2. ความก้าวหน้าในการดำเนินการของภาครัฐ สำนักงาน ก.พ.ร. ได้นำเสนอความก้าวหน้าในการดำเนินการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและการส่งเสริมการลงทุนของไทย ดังนี้
2.1 มาตรการส่งเสริมการลงทุนและการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยดำเนินการปรับปรุงหลักเกณฑ์การจ้างคนต่างด้าวที่มีทักษะสูงและการรายงานตัว 90 วัน ทบทวนกฎระเบียบที่เป็นอุสรรค (Regulatory Guillotine) และปรับปรุงงานบริการภาครัฐให้เป็นดิจิทัลเต็มรูปแบบ
2.2 การปรับปรุงพิธีการศุลกากร โดยมีการพัฒนาระบบเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูล ASEAN Customs Declaration Document (ACDD) กับประเทศในภูมิภาคอาเซียน ได้แก่ กัมพูชา สิงคโปร์ มาเลเซีย และเมียนมา
2.3 การปรับปรุงมาตรการทางภาษี โดยกรมสรรพากรเปิดใช้ระบบ e–Filing รูปแบบใหม่ให้ครอบคลุมประเภทแบบมากขึ้น และสามารถรับชำระภาษีได้ด้วยบัตรภาษีอิเล็กทรอนิกส์
2.4 การส่งเสริมความเป็นกลางทางคาร์บอน โดยสำนักงาน ก.พ.ร. อยู่ระหว่างการศึกษากระบวนการที่เกี่ยวข้องกับการติดตั้ง Solar Rooftop เพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ (Administrative cost)
2.5 มาตรการรองรับผลกระทบจากโรคโควิด-19 โดยประเทศไทยได้ดำเนินการฉีดวัคซีนให้ประชาชนให้ครอบคลุมมากขึ้น มีมาตรการผ่อนคลายกิจกรรมในประเทศ และอนุญาตให้ผู้เดินทางจากทุกประเทศเข้ามาในราชอาณาจักรได้โดยไม่ต้องกักตัว (Test and Go)
3. ข้อเสนอแนะเพิ่มเติมจาก JETRO
ผู้แทนจาก JETRO ได้แสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมให้แก่สำนักงาน ก.พ.ร. ดังนี้
3.1 รัฐบาลไทยมีความพยายามที่ดีในการแก้ไขปัญหาโรคโควิด-19 การปรับปรุงการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจและการส่งเสริมการลงทุน อย่างไรก็ตาม ควรเร่งประชาสัมพันธ์ให้นักลงทุนต่างชาติรับทราบนโยบายและมาตรการต่าง ๆ อย่างสม่ำเสมอด้วย เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่นักลงทุนต่างขาติ
3.2 สิ่งที่รัฐบาลไทยควรเร่งปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ การนำ Automation มาใช้เพื่อทดแทนแรงงานที่มีค่าแรงสูงขึ้น การลดค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ และการปรับปรุงมาตรการทางภาษีและเพิ่มสิทธิประโยชน์การลงทุน
สำนักงาน ก.พ.ร. จะนำผลการสำรวจฯ และข้อเสนอแนะที่ได้จากการประชุมนี้ไปขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจให้สอดคล้องกับความต้องการของนักลงทุนต่างชาติมากขึ้น รวมทั้งจะเร่งดำเนินการประชาสัมพันธ์และจัดประชุมชี้แจงความก้าวหน้าในการดำเนินการของภาครัฐให้ภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติต่อไป
