ข่าวสาร ก.พ.ร.

สำนักงาน ก.พ.ร. จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของส่วนราชการที่มีต่อ “การวิเคราะห์สภาวการณ์การบริหารงานภาครัฐแบบองค์รวมและการมองภาครัฐแห่งอนาคต”

15 ก.ย. 2564
0

เมื่อวันศุกร์ที่ 10 กันยายน 2564 ที่ผ่านมา สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ดำเนินการจัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของส่วนราชการที่มีต่อ “การวิเคราะห์สภาวการณ์การบริหารงานภาครัฐแบบองค์รวมและการมองภาครัฐแห่งอนาคต” โดยมี ดร.นิชา สาทรกิจ ผู้อำนวยการกองยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ กล่าวถึงภาพรวมว่า กิจกรรมการประชุมสัมมนารับฟังความคิดเห็นมีความสำคัญเพราะเป็นการนำข้อเสนอแนะเชิงนโยบายที่ OECD ได้จัดทำไว้ มาพิจารณาร่วมกับความคิดเห็นของหน่วยงานรัฐต่าง ๆ ว่าควรต้องมีการปรับปรุง หรือปรับเปลี่ยนอะไรเพื่อให้เหมาะสมกับบริบทของภาครัฐไทยหรือไม่ เพื่อยกระดับการทำงานของภาครัฐไปสู่การเป็นรัฐบาลเปิดที่นำนวัตกรรมมาใช้ได้อย่างสมบูรณ์และมีประสิทธิภาพ ความคิดเห็นในวันนี้จะนำไปสู่ข้อเสนอแนะในระดับชั้นของนโยบายเพื่อนำไปสู่การปฏิบัติอย่างแท้จริง

การนำเสนอโครงการวิเคราะห์สภาวการณ์การบริหารงานภาครัฐแบบองค์รวมและการมองภาครัฐแห่งอนาคต โดย

1. รศ.พ.ต.ต.ดร. ดนุวศิน เจริญ
ผู้อำนวยการศูนย์นวัตกรรมทางธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
2. ผศ.ดร.ธัญรัตน์ อมรเพชรกุล
รองคณบดีฝ่ายบริหาร คณะบริหารธุรกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)
3. ผศ.ดร.ปนันดา จันทร์สุกรี
อาจารย์ประจำคณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)

สาระสำคัญประกอบด้วย

ประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่มควรมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นที่จะนำไปสู่การกำหนดกรอบนโยบายการพัฒนารัฐบาลเปิดและทบทวนเพื่อปรับเปลี่ยนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นและไว้วางใจของประชาชนต่อภาครัฐ

การเปิดเผยข้อมูลภาครัฐควรเป็นไปตามความต้องการที่แท้จริงของผู้ใช้ (User-Centric) และอยู่ในรูปแบบที่สามารถสืบค้นและนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่าย

การพัฒนาบุคลากรภาครัฐให้มีทักษะที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนรัฐบาลเปิดต้องอาศัยความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคการศึกษา

การเสวนาหัวข้อ “ประสบการณ์ในการยกระดับภาครัฐไทยสู่การเป็นรัฐบาลเปิดอย่างสมบูรณ์” โดย

1. ดร.ศักดิ์ เสกขุนทด
ที่ปรึกษาและรักษาการรองผู้อำนวยการ (สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ : สพธอ.)
2. คุณยิ่งลักษณ์ สมศิริ
ผู้อำนวยการส่วนดำเนินการเรื่องร้องเรียนและตอบข้อหารือ (สำนักงานคณะกรรมการข้อมูลข่าวสารของราชการ : สขร.)
3. คุณสัญชัย เตชนิมิตวัช
ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและระบบข้อมูล (กรมการปกครอง)
4. คุณขนิษฐา สหเมธาพัฒน์
ที่ปรึกษาด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (กรมสรรพากร)

สพธอ. มีบทบาทส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์อย่างบูรณาการและเชื่อมโยง และชี้แนะว่าการเปิดกว้างให้ประชาชนมีส่วนร่วมจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งเสริมให้เกิดการเปิดเผยข้อมูลควรภาครัฐและเป็นการสร้างธรรมาภิบาลข้อมูลภาครัฐ ทั้งนี้ แต่สิ่งสำคัญที่ควรคิดต่อ คือ จะทำอย่างไรให้ประชาชนนำข้อมูลไปใช้ต่อให้ได้ประโยชน์อย่างแท้จริง และเพื่อขับเคลื่อนให้เกิดเป็นรัฐบาลที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล

ผู้แทน สขร. ชี้แจงว่า ข้อมูลเปิดภาครัฐควรมีลักษณะ “เปิดเผยเป็นหลัก (open by default)” แต่ในปัจจุบันยังคงเป็นแบบ “ปกปิดเป็นหลัก เปิดเผยเป็นข้อยกเว้น (close by default)” เนื่องจากส่วนราชการยังใช้ พ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสารฯ เป็นเกณฑ์กำหนดว่าข้อมูลลักษณะใดที่สามารถเปิดเผยได้และเปิดเผยไม่ได้ สำหรับข้อมูลส่วนบุคคลต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าของข้อมูลเสมอก่อนที่จะเปิดเผยข้อมูลได้

กรมการปกครองอาศัยอำนาจตามกฎหมายทะเบียนราษฎรที่อนุญาตให้ส่วนราชการและหน่วยงานของรัฐเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์เพื่อใช้ประโยชน์จากฐานข้อมูลทะเบียนประวัติราษฎรได้ ทำให้หน่วยงานรัฐสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลซึ่งกันและกันได้ นอกจากนี้ยังดำเนินงานขับเคลื่อนโครงการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (DOPA-Digital ID) เพื่อสร้างต้นแบบและนวัตกรรมใหม่ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัลของประเทศเพื่อรองรับการใช้งานบริการภาครัฐ และจัดทำระบบ “Check Card Status” ซึ่งเป็นระบบตรวจสอบสถานะบัตรที่ให้ภาคธุรกิจ ภาคเอกชน และสถาบันการเงินสามารถใช้บริการได้
ผู้แทนกรมสรรพากร สรุปปัจจัยแห่งความสำเร็จที่ขับเคลื่อนองค์กรให้เป็นต้นแบบภาครัฐดิจิทัล คือ (1) “ผู้นำ” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการเปลี่ยนผ่านองค์กรไปสู่ดิจิทัล (Digital Transformation) (2) การสร้างวัฒนธรรมการทำงานที่ตั้งใจมอบการบริการที่ดีที่สุดให้กับประชาชน ผ่านแนวคิด citizen centric framework ในการปรับทั้งกระบวนการทำงานภายในองค์กรและกระบวนการให้บริการประชาชนมาตั้งแต่ 2544 (3) การเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐในการพัฒนางานบริการดิจิทัล เช่น กรมการปกครอง กรมพัฒนาธุรกิจการค้า BOI และกรมศุลกากร และ (4) การให้ความสำคัญกับการพัฒนาบุคลากร โดยมีหลักสูตรทั้ง Design Thinking และ Digital Transformation

กิจกรรมระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับ “บทบาทและการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนหน่วยงานไปสู่การเป็นรัฐบาลเปิดในประเทศไทย” โดยมีการแบ่งผู้เข้าร่วมกิจกรรมเป็น 3 กลุ่ม

กลุ่ม 1: การพัฒนาสภาพแวดล้อมและระบบนิเวศการทำงาน

สาระสำคัญ : อุปสรรคและปัญหาในการเปิดเผยข้อมูล คือ วัฒนธรรมองค์กรที่ผู้บริหารไม่ต้องการที่จะเปิดเผยข้อมูล ความล่าช้าในการบริหารงาน และการเปิดเผยข้อมูลควรเริ่มจากข้อมูลที่ใกล้ชิดกับประชาชน พร้อมทั้งควรเปิดเผยข้อมูลแบบเรียลไทม์ สำหรับปัจจัยสำคัญในการปฏิรูปภาครัฐไทยไปสู่การเป็นรัฐที่เปิดกว้าง คือ ทัศนคติของผู้นำ

กลุ่ม 2: การจัดสรรงบประมาณและการพัฒนาบุคลากรภาครัฐ
สาระสำคัญ : การจัดสรรงบประมาณควรมีการทำฐานข้อมูลแบบเปิด และควรมีช่องทางสำหรับร้องเรียนและขอความเป็นธรรมผ่านระบบศูนย์กลางที่โปร่งใสและไว้วางใจได้ สำหรับการพัฒนาบุคลากรเพื่อส่งเสริมการขับเคลื่อนรัฐบาลเปิด ควรปลูกฝังหรือปรับทัศนคติให้คนในหน่วยงานรัฐตระหนักถึงความสำคัญของการทำงานอย่างโปร่งใส ตรวจสอบได้ และเพิ่มทักษะที่ส่งเสริมการใช้ข้อมูลเทคโนโลยีดิจิทัล รวมทั้งสร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและภาคการศึกษา

กลุ่ม 3: ข้อมูลเปิดภาครัฐและการพัฒนาบริการสาธารณะ

สาระสำคัญ : สิ่งที่เป็นอุปสรรคต่อการสร้างรัฐบาลเปิด คือ การเชื่อมโยงข้อมูลของภาครัฐ และการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ กฎหมายล้าสมัยที่ไม่ได้ปรับให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบัน และขั้นตอนการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนของหน่วยงานรัฐที่ไม่มีความยืดหยุ่น ดังนั้นหน่วยงานรัฐจึงควรมีการคัดกรองข้อมูลอยู่เสมอ และมีแพลตฟอร์มกลางในการเชื่อมโยงข้อมูลของภาครัฐเพื่อให้เกิดความสะดวก รวดเร็ว

กิจกรรมนี้ทำให้คณะที่ปรึกษาได้รับฟังข้อมูลและความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์อย่างมากต่อการขับเคลื่อนรัฐบาลเปิดของประเทศไทย โดยจะนำข้อมูลและความคิดเห็นทั้งหมดไปสังเคราะห์เพื่อปรับปรุงหลักการชี้แนะไปสู่การเป็นรัฐบาลเปิดของประเทศไทยต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า