รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) ได้ประชุมหารือร่วมกับคณะนักธุรกิจจากสภาธุรกิจสหรัฐฯ – อาเซียน (U.S. – ASEAN Business Council: USABC) เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2564 เวลา 09.30 น. ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี Mr. Alexander C. Feldman ประธาน USABC นางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการ ก.พ.ร. นางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) นายศิริปกรณ์ เชี่ยวสมุทร รองผู้ว่าการด้านตลาดยุโรป แอฟริกา ตะวันออกกลาง และอเมริกา การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้แทนภาคเอกชนสหรัฐฯ 16 บริษัท จาก USABC เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว สรุปประเด็นสำคัญ ดังนี้
1. ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก USABC
ผู้แทนภาคเอกชนสหรัฐฯ 10 บริษัท นำเสนอข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินงานของประเทศไทย มีสาระสำคัญ ดังนี้
– ประเทศไทยเป็นหนึ่งในอาเซียนที่สามารถรับมือกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดี โดยสหรัฐฯ ยินดีให้การสนับสนุนวัคซีน Pfizer แก่ประเทศไทย ซึ่งได้ส่งมอบให้ไทยแล้ว 1.5 ล้านโดส และอยู่ระหว่างการส่งมอบเพิ่มอีก 1 ล้านโดสในเร็ว ๆ นี้ และขณะนี้บริษัทยาของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการวิจัยยารักษาโรคโควิด-19 คาดว่าจะสำเร็จภายในสิ้นปีนี้ โดยยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการนำเข้ายาเพื่อใช้รักษาผู้ป่วยและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19
– USABC ยินดีให้ความร่วมมือกับรัฐบาลไทยในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจและการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยสนับสนุนการสร้างทักษะใหม่และการยกระดับทักษะ (Upskill & Reskill) ของ MSMEs การลงทุนภายในประเทศ และการฟื้นฟูธุรกิจการท่องเที่ยว
– USABC สนับสนุนนโยบาย Phuket Sandbox ซึ่งเห็นว่าจะสามารถช่วยฟื้นฟูการท่องเที่ยวไทยและเร่งการเปิดประเทศได้ และหากนโยบายนี้ประสบความสำเร็จ ก็จะเป็นโมเดลตัวอย่างในการขยายการเปิดประเทศไปยังพื้นที่ใกล้เคียงต่อไป เช่น เกาะสมุย เกาะพะงัน เกาะเต่า ทั้งนี้ ไทยควรมีแนวทางเกี่ยวกับหลักเกณฑ์และเอกสารประกอบการเข้าประเทศที่ชัดเจนและโปร่งใส เพื่อลดความสับสนให้แก่ชาวต่างชาติ
– ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม รัฐบาลไทยควรมีนโยบายและมาตรการที่ชัดเจนเกี่ยวกับการจัดการโควิด-19 การฟื้นฟูและการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงการบริหารจัดการวัคซีนให้แก่บริษัทต่างชาติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนต่างชาติ
– ไทยมีศักยภาพในการเป็น Logistics Hub ของภูมิภาคอาเซียน ซึ่ง USABC พร้อมให้ความร่วมมือและสนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านโลจิสติกส์และห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain)
– ปัจจุบันมีผู้ประกอบการสนใจนำเข้าวัคซีนเองสำหรับพนักงานและบริจาคเพื่อสาธารณประโยชน์ เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่ง BOI ให้ผู้ประสงค์นำเข้าวัคซีนแจ้งความต้องการ และจะรับไปประสานงานและหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป
2. การดำเนินงานของไทยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจในสถานการณ์โควิด-19
2.1 ด้านการส่งเสริมการลงทุน
– มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนในการให้สิทธิประโยชน์แก่บริษัทต่างชาติที่ดำเนินกิจการภายใต้หลัก BCG (Bio-Circular-Green Economy) เพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม
– มีมาตรการส่งเสริมการลงทุนและการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจในหลายกลุ่มอุตสาหกรรม เพื่อกระตุ้นภาคการผลิตและดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติในช่วงสถานการณ์โควิด-19
2.2 ด้านการท่องเที่ยว
– นโยบาย Phuket Sandbox ดำเนินไปได้ด้วยดีตามเป้าหมาย ทั้งในด้านจำนวนเที่ยวบิน ยอดการจองห้องพักและจำนวนนักท่องเที่ยว รวมทั้งมีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจหาเชื้อและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ มีแผนในการต่อยอดการเปิดการท่องเที่ยวในพื้นที่ใกล้เคียงที่กำลังจะดำเนินการต่อไปในเร็ว ๆ นี้
2.3 ด้านการส่งเสริมภาคการผลิตและภาคอุตสาหกรรม
– ผลักดันการพัฒนาโครงการ EEC เพื่อเร่งขับเคลื่อนภาคอุตสาหกรรมและการลงทุนในช่วงสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทั้งด้านระบบเครือข่ายโทรคมนาคม และการวิจัยและนวัตกรรม
2.4 ด้านการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ
– มุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล โดยเร่งผลักดันการพัฒนาระบบนิเวศ (Ecosystem) ทั้งการพัฒนาระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล การแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรค เพื่อรองรับการให้บริการออนไลน์แก่ภาคธุรกิจและประชาชน รวมทั้งพัฒนาระบบ One-Stop Service ศูนย์บริการสำหรับชาวต่างชาติ (กลุ่ม Non-BOI) เพื่อยกระดับการอำนวยความสะดวกและให้คำปรึกษาแก่ชาวต่างชาติ
– ส่งเสริมการอำนวยความสะดวกด้านนำเข้า-ส่งออกและการค้าระหว่างประเทศ และพร้อมอำนวยความสะดวกด้านโลจิสติกส์ในการนำเข้าวัคซีนจากสหรัฐฯ
ทั้งนี้ รองนายกรัฐมนตรีฯ จะนำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะจาก USABC ไปปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อพัฒนาการบริหารจัดการวัคซีน การกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศและการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจของประเทศไทย