ข่าวสาร ก.พ.ร.

ระดมไอเดียภาคเอกชนพัฒนาแนวทางตรวจสอบกิจการ พร้อมขับเคลื่อนสู่รัฐบาลดิจิทัล

18 มิ.ย. 2564
0

         เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2564 สำนักงาน ก.พ.ร. นำโดยนางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. พร้อมด้วยนางสาวนภนง ขวัญยืน ผู้อำนวยการกองนวัตกรรมบริการภาครัฐ นายณัฏฐา พาชัยยุทธ ผู้อำนวยการกองขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล และเจ้าหน้าที่สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นภาคเอกชน ซึ่งประกอบด้วยสมาคมภาคธุรกิจและอุตสาหกรรมต่าง ๆ 13 แห่ง รวมถึงนักวิชาการ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีประเด็นความคิดเห็นที่น่าสนใจจากที่ประชุม ดังนี้

         1. การกำหนดหลักเกณฑ์และแนวทางการตรวจสอบการประกอบกิจการหรือดำเนินกิจการตามมาตรา 13 แห่ง พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558

             – การกำหนดแนวทางการตรวจสอบกิจการ โดยพิจารณาจากระดับความเสี่ยงของผลกระทบในการดำเนินการ เป็นเรื่องที่มีความเหมาะสม โดยกลุ่มที่มีความเสี่ยงน้อย หรือความเสี่ยงปานกลาง อาจใช้การตรวจสอบกิจการได้ด้วยตนเอง (Self-Declaration) อย่างไรก็ตามควรกำหนดนิยามของประเภทความเสี่ยงเพื่อนำไปจัดกลุ่มกิจการที่มีความชัดเจน และนิยามดังกล่าวต้องสามารถใช้ได้ครอบคลุมทุกประเภทของกิจการ รวมถึงควรมีรายละเอียดที่ชัดเจนเพื่อสามารถนำไปปฏิบัติได้ด้วย

             – แนวคิดการตรวจสอบมาตรฐานต่าง ๆ ที่จะถ่ายโอนให้ภาคเอกชน บางหน่วยงานไม่มีศักยภาพเพียงพอในการตรวจสอบ อีกทั้งยังมีการเก็บค่าธรรมเนียมที่ซ้ำซ้อน ทำให้เป็นภาระกับผู้ประกอบการ รวมถึง ควรทบทวนว่าระบบการตรวจสอบมีมากเกินไปหรือไม่ เช่น การนำเข้าสินค้าต้องมีการตรวจสอบทุกชิ้น ดังนั้นควรมีการทบทวนว่าอะไรที่มีความจำเป็นในการตรวจสอบ อะไรที่ตรวจสอบเกินความจำเป็น เป็นภาระของผู้ประกอบการ ควรมีการยกเลิก

             – ปัญหาผู้ประกอบการมีความเห็นที่แตกต่างกันเกี่ยวกับการนำเข้าวัตถุดิบ อยากให้มีความชัดเจนในเรื่องของการกำหนด/ตีความสินค้าว่าเป็น dual use goods หรือไม่

             – ควรมีการพิจารณาใบอนุญาตที่มีความซับซ้อน เช่น ยา วัตถุอันตราย หากใช้ระเบียบเดียวกันทั้งหมดอาจจะเกิดปัญหาในเชิงปฏิบัติ

             – ปัญหาการค้าขายเมล็ดพันธุ์พืชออนไลน์ ซึ่งยังไม่มีกฎระเบียบในการดูแล ปัจจุบันพบว่ามีปัญหาผู้ค้า การขนส่ง ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในการจัดเก็บ ส่งผลให้ปลายทางคือเกษตรกรได้รับสินค้าที่ไม่มีคุณภาพ โดยผู้ผลิตกลับต้องเป็นผู้รับผิดชอบ

             – ควรมีมุมมองในการรับฟังทุกภาคส่วนทั้งภาคเอกชน ผู้รับบริการ และหน่วยงานราชการ

         2. การพัฒนาการให้บริการผ่านระบบดิจิทัลเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้ประกอบการ ที่ประชุมมีความเห็น ดังนี้

             – ภาครัฐควรพัฒนาฐานข้อมูลร่วมกันโดยฉพาะอย่างยิ่งฐานข้อมูลที่เชื่อมโยงกับการยืนยันตัวตน เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกในการไม่ต้องขอเอกสารเพิ่มเติม ยกตัวอย่างกรณีธนาคาร ซึ่งมี pain point ในเรื่องของการยืนยันตัวตน ปัจจุบันมีปัญหาฐานข้อมูลรูปภาพของประชาชนซึ่งหากมีการเชื่อมโยงข้อมูลกับกรมการปกครองในเรื่องของการ Verify หน้าตา ก็จะสามารถใช้ยืนยันตัวตนได้

            – การพัฒนาบริการภาครัฐให้เป็นดิจิทัล ควรที่จะต้องคิดให้เป็นดิจิทัลด้วย เช่น การเปิดให้มีขออนุญาตผ่านช่องทางออนไลน์ได้ แบบ 7 วัน 24 ชั่วโมง ซึ่งไม่ควรปิดระบบในเวลาราชการ เป็นต้น

            – การพัฒนาระบบการบริการภาครัฐของประเทศไทยอาจเริ่มจากระบบเล็กๆ เช่น
การต่อบัตรประชาชนออนไลน์โดยไม่ต้องเดินทางไปทำที่สำนักงานเขต/ที่ทำการ เป็นต้น และควรพิจารณาถึงการเชื่อมโยงระบบเล็กๆ กับระบบอื่นให้สามารถเชื่อมต่อกันได้ในอนาคตด้วย เพื่อลดรูปแบบการทำงานแบบ silo

            – การเตรียมความพร้อมของหน่วยงานในแง่ของอุปกรณ์ในการทำงานที่จะรองรับการทำงานแบบ work from home เนื่องจากพบว่าเจ้าหน้าที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ส่วนตัว รวมถึงการใช้อีเมลล์ส่วนตัว ซึ่งทำให้ภาคเอกชนกังวลในเรื่องของความปลอดภัยของข้อมูล

           – การนำเทคโนโลยีสมัยใหม่มา
ใชัพัฒนางาน เช่น blockchain โดยอาจเริ่มจากบางกลุ่มงานบริการก่อน

           – การแก้ปัญหากฎระเบียบที่ล้าสมัย เช่น การขออนุญาตใช้โดรนที่ปัจจุบันได้นำมาใช้ประโยชน์กับการทำงานโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกษตรกรมากขึ้น ซึ่งปัจจุบันกำหนดให้มีใบอนุญาต 1 คน ต่อ 1 เครื่อง จะสามารถปรับเปลี่ยนโดยเทียบกับการออกใบขับขี่ได้หรือไม่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสะดวกได้มากขึ้น

           – หน่วยงานมีการพัฒนาแอปพลิเคชันของตัวเอง แต่ยังมีลักษณะต่างคนต่างทำ แต่หลังบ้านไม่เชื่อมต่อกัน แม้ว่าจะเป็น
หน่วยงานเดียวกัน

         ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. จะได้นำปัญหาอุปสรรค และข้อเสนอแนะของภาคเอกชนไปหารือกลุ่มย่อยในแต่ละภาคธุรกิจต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า