โดยมีเป้าหมาย เพื่อหาแนวทางในการเร่งรัดการชำระภาษีรถยนต์และค่าธรรมเนียมค้างจ่าย เพื่อเป็นรายได้แก่องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และการเพิ่มประสิทธิภาพของการดำเนินการภาครัฐที่มุ่งเน้นการบูรณาการระหว่างส่วนกลาง ส่วนภูมิภาค และส่วนท้องถิ่น
โดยมีสาระสำคัญในการหารือ ดังนี้
– กรมฯ มีการดำเนินการพัฒนาช่องทางในการบริการที่หลากหลายอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินการศึกษาและพัฒนาแนวทางขยายช่องทางเอกชนให้สามารถรับชำระและผลิตป้ายภาษีได้ทันที (Type B) รวมถึงมีมาตรการในการดำเนินการเกี่ยวกับการชำระภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์ 2 มาตรการ ได้แก่ การบังคับใช้กฏหมาย และการขยายการบริการเพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
– การดำเนินการเกี่ยวกับข้อตกลงความร่วมมือ (MoU) กรมการขนส่งทางบกมีความยินดีในการเชื่อมโยงข้อมูลกับองค์กรปกครองท้องถิ่น โดยมีข้อสังเกตเกี่ยวกับข้อติดขัดจาก พรบ. คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และการกำหนดหน่วยงานในการรับการเชื่อมโยงข้อมูล
– ข้อติดขัดเกี่ยวกับงบประมาณในการดำเนินการเพื่อทวงถามและเร่งรัดการชำระภาษีและค่าธรรมเนียมภาษีรถยนต์ที่ค้างชำระ เนื่องจากรายได้จากการจัดเก็บเป็นเงินรายได้ให้แก่ท้องถิ่น 100% ซึ่งแนวทางในการทำงานร่วมกันขององค์กรปกครองท้องถิ่นอาจจะเป็นแนวทางที่เป็นไปได้ ในการเร่งรัดการชำระภาษีและค่าธรรมเนียมดังกล่าว
– การหาแนวทางในการศึกษานำร่องร่วมกันระหว่างกรมการขนส่งทางบกและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ใน 2 จังหวัด โดยการศึกษาผ่านมาตรการการดำเนินเร่งรัดในรูปแบบและระดับที่แตกต่างกัน เพื่อหาแนวทางที่ดีในการแก้ไขปัญหาการค้างชำระภาษีและค่าธรรมเนียม รวมถึงค้นหาสาเหตุหรือพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ค้างชำระภาษีและค่าธรรมเนียมรถยนต์
– มติการประชุมในวันนี้ กรมการขนส่งทางบกและสำนักงาน ก.พ.ร. มีความเห็นพ้องต้องกันในหลักการเรื่องการเร่งรัดการจัดเก็บภาษีค้างชำระ โดยมีข้อตกลงเบื้องต้นในการจัดทำ Sandbox ภายใต้เงื่อนไข เช่น
• ดำเนินการใน 2 จังหวัดเพื่อให้เกิดการเปรียบเทียบทางนโยบาย
• มีมาตรการหลายระดับ เช่น การติดตามเร่งรัด และการสนับสนุนให้มีรถบริการเคลื่อนที่ในการตรวจสภาพรถยนต์
• กำหนดเฉพาะกลุ่มที่มีผลกระทบสูง เช่น รถยนต์ส่วนบุคคล
สำหรับการดำเนินการต่อไป รศ.ดร. วีระศักดิ์ เครือเทพ ผู้ทรงคุณวุฒิ ก.ก.ถ. และในฐานะประธานคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจเพื่อพัฒนาการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมในวันที่ 20 ตุลาคม 2563 ซึ่งมีผู้แทนกรมขนส่งทางบก และผู้แทนสำนักงาน ก.พ.ร. เข้าร่วมการประชุมเพื่อประสานและติดตามในรายละเอียดต่อไป