เลขาธิการ ก.พ.ร. ได้กล่าวว่า การขับเคลื่อนการให้บริการ e-Service เป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ต้องการให้ภาครัฐพัฒนา e-Service ให้สามารถตอบสนองความต้องการของประชาชนให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น และพร้อมรองรับต่อสภาวะวิกฤตและการเปลี่ยนแปลงในอนาคต นอกจากนั้น การพัฒนา e-Service ในฐานะที่ทุกท่านเป็นข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ต้องการการทำงานที่มีความคล่องตัว ชัดเจน มีมาตรฐาน โปร่งใส และในฐานะของประชาชนที่ต้องการความสะดวก รวดเร็ว/ตลอดเวลา ในการติดต่อราชการหรือรับบริการ ดังนั้น การประชุมฯ ในวันนี้ถือเป็นการเริ่มต้นทำสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อสังคมและส่วนราชการในอนาคต เพื่อกำหนดแนวคิดและเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลักดันงานบริการ Agenda โดยสำนักงาน ก.พ.ร. ได้เร่งดำเนินการเรื่องนี้ร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) เพื่อให้เกิด e-Service ในภาครัฐ ทั้งนี้ ปัจจัยความสำเร็จของการขับเคลื่อนการให้บริการ e-Service ประการหนึ่ง คือ การให้ภาคส่วนต่าง ๆ มีส่วนร่วมในการดำเนินการสร้างเป้าหมายร่วมกัน และร่วมกันผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย
เลขาธิการ ก.พ.ร. ได้กล่าวเพิ่มเติมว่า ท่านนายกรัฐมนตรี ในที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการระดับกระทรวงหรือเทียบเท่า เมื่อวันที่ 23 กันยายน 2563 ได้ให้ความสำคัญกับการทำ e-Service และเน้นย้ำว่าต้องทำให้ประชาชนกลุ่มที่สามารถใช้บริการแบบออนไลน์ (online) ได้สามารถใช้บริการได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และสำหรับประชาชนกลุ่มที่ยัง
ไม่สามารถใช้บริการแบบออนไลน์ (online) ได้ หรือที่เรียกว่า กลุ่มออฟไลน์ (offline) ก็ต้องหาวิธีการทำให้
กลุ่มดังกล่าวสามารถใช้บริการแบบออนไลน์ (online) ได้
จากนั้นเป็นการบรรยายเรื่อง “Digital Organization Transformation” โดยอาจารย์ดนัยรัฐ ธนบดีธรรมจารี ที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญการวางแผนสถาปัตยกรรมองค์กร (Enterprise Architecture) ได้บรรยายเกี่ยวกับ Digital Transformation สรุปได้ว่า หลักการสำคัญ คือ Outcome First ที่หน่วยงานต้องชัดเจนว่าผลลัพธ์ (Outcome) ที่ต้องการจาก Digital Organization Transformation คืออะไร และต้องใช้ผลลัพธ์ดังกล่าวเป็นกรอบการดำเนินงานเพื่อนำไปสู่การกำหนดเป้าหมายและระยะเวลาที่ชัดเจน นอกจากนั้น การทำงานในยุค New Normal จำเป็นต้องคิดแบบ Critical Thinking (การคิดในสถานการณ์วิกฤต) เพื่อจัดลำดับความสำคัญของงาน (อะไรที่เป็น Need ต้องทำก่อน ส่วน Want ทำทีหลัง) และออกแบบกระบวนงานที่สามารถรองรับสถานการณ์วิกฤตและการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว โดยการจัดทำพิมพ์เขียวองค์กร (Enterprise Blueprint) ซึ่งประกอบด้วย ประเด็นสำคัญ 5 ประเด็น ได้แก่ 1) Performance Management (รายงานผลการดำเนินงาน) 2) Customer Experience Management (นวัตกรรม ประชาสัมพันธ์) 3) Core Services (บริการหลัก) 4) Operational Excellence (งานสนับสนุน) และ 5) Laws, Compliance and Audit (กฎระเบียบ การตรวจสอบ) เพื่อนำไปสู่การทำ Business Service and Digital Initiative Worksheet ซึ่งเป็นหัวใจแห่งการออกแบบบริการ (Service)
และสำหรับการทำ Workshop ในวันนี้ ได้มีการแบ่งกลุ่มหน่วยงานนำร่องทั้ง 13 กระทรวง เพื่อนำงานบริการ Agenda มาวิเคราะห์ตาม Business Service and Digital Initiative Worksheet โดยการระบุ 1) ชื่องานบริการ ผู้รับผิดชอบ เป้าประสงค์ที่ชัดเจน รวมถึงกรอบเวลาในการทำงาน และกรอบงบประมาณ 2) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหรือผู้เกี่ยวข้อง รวมถึงขั้นตอนการทำงานหลัก และผลผลิตของแต่ละขั้นตอน 3) ประเด็นเกี่ยวกับความต้องการการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ เช่น IT กฎระเบียบ ขวัญกำลังใจ โดยมีวิทยากรประจำกลุ่ม และคณะทำงานฯ ประจำกระทรวงของสำนักงาน ก.พ.ร. ให้คำปรึกษาแนะนำ จากนั้น ผู้แทนหน่วยงานนำร่องได้นำ Worksheet Version 1 เสนอต่อที่ประชุมเพื่อรับฟังคำแนะนำและข้อสังเกตจากวิทยากร ซึ่งจะนำไปสู่การปรับปรุง Worksheet ดังกล่าวให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป
ท่านที่สนใจสามารถรับชมการประชุมฯ ย้อนหลังได้ที่ https://www.facebook.com/OPDCThailand/videos/471553713801268