ข่าวสาร ก.พ.ร.

การประชุมเพื่อรับฟังการนำเสนอผลการศึกษาของโครงการศึกษาเพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ระยะที่ 3 (Doing Business Phase 3) จากธนาคารโลก

13 มี.ค. 2566
0
การประชุมเพื่อรับฟังการนำเสนอผลการศึกษาของโครงการศึกษาเพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ระยะที่ 3 (Doing Business Phase 3) จากธนาคารโลก

สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับธนาคารโลกดำเนินโครงการศึกษาเพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ระยะที่ 3 (Doing Business Phase 3) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาแนวทางและจัดทำข้อเสนอแนะในการปรับปรุงสภาพแวดล้อมการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจของประเทศไทย ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2565 ถึงเดือนมีนาคม 2566 ซึ่งคณะที่ปรึกษาจากธนาคารโลกได้ดำเนินการศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนากระบวนการตรวจสอบภาษีและระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของประเทศไทยเสร็จเรียบร้อยแล้ว

สำนักงาน ก.พ.ร. จึงจัดการประชุมเพื่อรับฟังการนำเสนอผลการศึกษาของโครงการศึกษาเพื่อขับเคลื่อนการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ระยะที่ 3 (Doing Business Phase 3) จากธนาคารโลก โดยมี นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นประธานการประชุม และมีทีมที่ปรึกษาจากธนาคารโลก ผู้แทนจากกรมสรรพากร กรมบัญชีกลาง และสำนักงาน ก.พ.ร. เข้าร่วมการประชุม เมื่อวันที่ 7 และ 9 มีนาคม 2566 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ สรุปสาระสำคัญดังนี้

หัวข้อ การพัฒนากระบวนการตรวจสอบภาษีของประเทศไทย ประชุมเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2566 โดยธนาคารโลกมีข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ ดังนี้

  • กรมสรรพากรมีการกำหนดเกณฑ์และคู่มือการตรวจสอบภาษี แต่ยังขาดการปรับปรุงเกณฑ์ให้สอดคล้องกับหลักการบริหารความเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance Risk Management: CRM) สมัยใหม่ ซึ่งเป็นมาตรฐานที่นานาประเทศใช้เป็นแนวทางในการตรวจสอบภาษีที่จะช่วยให้การตรวจสอบภาษีมีความโปร่งใส ถูกต้องและรวดเร็วมากขึ้น
  • กรมสรรพากรควรนำหลัก CRM สมัยใหม่มาปรับใช้ในการบริหารความเสี่ยงด้านภาษี เช่น การพัฒนาการลงทะเบียนความเสี่ยงในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance Risk Register) โดยอาจเริ่มจากการนำมาใช้กับกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ซึ่งมีจำนวนไม่มาก นอกจากนี้ ควรมีแนวทางในการบริหารความเสี่ยงที่หลากหลายสำหรับแต่ละกรณีที่อาจมีความเสี่ยงแตกต่างกันเพื่อให้เกิดความถูกต้องและลดระยะเวลาในการตรวจสอบภาษีกรณีที่มีความเสี่ยงไม่มาก
  • กรมสรรพากรควรมีการควบคุมคุณภาพการตรวจสอบภาษีโดยการอบรมให้ความรู้แก่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน เพื่อให้การตรวจสอบภาษีมีประสิทธิภาพและเป็นมาตรฐานเดียวกัน
  • กรมสรรพากรควรทำงานร่วมกับสำนักงานประกันสังคมในการตรวจสอบบัญชีเงินเดือนของผู้ที่ขึ้นทะเบียน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบภาษี

หัวข้อ การพัฒนาระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐของประเทศไทย ประชุมเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2566 โดยธนาคารโลกมีข้อค้นพบและข้อเสนอแนะ ดังนี้

  • นับจากการแพร่ระบบของโรคโควิด-19 ประเทศไทยมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการปรับปรุงระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐซึ่งช่วยให้กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐรวดเร็วและโปร่งใสขึ้นมาก
  • ผู้ยื่นมีระยะเวลาในการเตรียมเอกสารก่อนการยื่นซองข้อเสนอน้อยเกินไป ทำให้มีผู้ยื่นหลายรายเตรียมเอกสารไม่ทัน ทำให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม จึงควรเพิ่มระยะเวลาให้เหมาะสมกว่านี้
  • กรมบัญชีกลางควรพัฒนาระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้เป็นอิเล็กทรอนิกส์เต็มรูปแบบ โดยการเพิ่มฟังก์ชันการสนทนาระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้ค้าแทนการใช้อีเมล การเชื่อมโยงการวางเงินประกันสัญญากับธนาคาร การพิจารณาการจัดซื้อจัดจ้างผ่านระบบ และการนำ e-Signature มาใช้
  • ในการพิจารณาคัดเลือกข้อเสนอ คณะกรรมการไม่ควรพิจารณาจากราคายื่นที่ต่ำที่สุดเพียงอย่างเดียว แต่ควรคำนึงถึงความคุ้มค่า นวัตกรรมและความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อมควบคู่กันด้วย
  • กรมบัญชีกลางควรมีมาตรการส่งเสริมผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs เพื่อส่งเสริมให้ผู้ประกอบการธุรกิจ SMEs เข้าถึงระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ โดยการลดต้นทุนสำหรับธุรกิจ SMEs เช่น ลด/ยกเว้นการวางเงินประกันสัญญา เป็นต้น
  • กรมบัญชีกลางควรมีการส่งเสริมเพศหญิงให้เข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐเพื่อส่งเสริมความเท่าเทียมกันทางเพศและเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐให้แก่ผู้ประกอบการหญิง

ธนาคารโลกจะจัดทำรายงานเพื่อรวบรวมข้อค้นพบและข้อเสนอแนะดังกล่าวให้สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อนำไปใช้ประโยชน์และเผยแพร่ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปปรับปรุงสภาพแวดล้อมการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจ ด้านการจัดเก็บภาษีและด้านการแข่งขันทางการตลาดให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติที่ดีของต่างประเทศและแนวทางการประเมินบรรยากาศของการดำเนินธุรกิจและการลงทุน (Business Enabling Environment: BEE)

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า