ข่าวสาร ก.พ.ร.

สำนักงาน ก.พ.ร. จัดการประชุมเรื่อง “Roundtable Workshop on Ten for Thailand”

19 ส.ค. 2565
0

         สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดประชุมเรื่อง “Roundtable Workshop on Ten for Thailand” ในวันที่ 17 สิงหาคม 2565 ณ โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ โดยมีผู้แทนรัฐบาลไทยนำโดย หม่อมหลวงชโยทิต กฤดากร ผู้แทนการค้าไทย เป็นประธานการประชุม นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ รองเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน นายณัฏฐา พาชัยยุทธ ผู้อำนวยการกองกิจการองค์การมหาชนและหน่วยงานของรัฐรูปแบบอื่น และ ดร. อภิชน จันทรเสน อนุกรรมการและเลขานุการคณะอนุกรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจของประชาชน (โครงการกิโยติน) และผู้แทนหอการค้าต่างประเทศในประเทศไทยนำโดย มร. Chris Cracknell ประธานคณะกรรมการบริหารหอการค้าอังกฤษ-ไทย และประธานพันธมิตรหอการค้าต่างประเทศ พร้อมทั้งผู้แทนจากหอการค้าอังกฤษ-ไทย หอการค้าออสเตรเลีย–ไทย หอการค้าเยอรมัน-ไทย และหอการค้าอเมริกันในประเทศไทย จำนวน 12 คน การประชุมในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับปัญหาอุปสรรคของการประกอบธุรกิจในประเทศไทยของผู้ประกอบการชาวต่างชาติและร่วมกันหารือแนวทางการดำเนินการยกระดับการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจตามข้อเสนอ Ten for Thailand สรุปความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ ดังนี้

         1. ที่ผ่านมารัฐบาลไทยมีความคืบหน้าเป็นอย่างมากในการดำเนินการตามข้อเสนอ Ten for Ten ส่งผลให้การประกอบธุรกิจในประเทศไทยมีประสิทธิภาพและสะดวกรวดเร็วมากขึ้นสำหรับชาวต่างชาติ ทั้งในเรื่องการแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการประกอบธุรกิจ การออกวีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาว (Long-term Resident Visa: LTR) การออกมาตรการเพื่อดึงดูดการลงทุน และการปรับปรุงกระบวนการให้บริการดิจิทัลภาครัฐ

         2. ควรเร่งแก้ไขกฎหมายที่เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพและการดำเนินธุรกิจ โดยเฉพาะประเภทธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มขยายตัวในอนาคต เช่น ธุรกิจด้านเทคโนโลยีดิจิทัล ธุรกิจซอฟท์แวร์ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ฯลฯ พร้อมทั้งเปิดกว้างให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนและประกอบธุรกิจในไทยในหลากหลายธุรกิจมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้เกิดการจ้างงานและกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในยุคหลังการระบาดของโรคโควิด-19

         3. ควรเร่งปรับปรุงงานบริการภาครัฐให้เป็นดิจิทัลอย่างแท้จริง ส่งเสริมการใช้การยืนยันตัวตนทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-KYC) ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ (e-Signature) และการชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment)

         4. วีซ่าสำหรับผู้พำนักระยะยาว (Long-term Resident Visa: LTR) เป็นมาตรการที่ดีในการดึงดูดนักลงทุนและแรงงานที่มีศักยภาพสูง อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้อาจเป็นแค่การอำนวยความสะดวกให้แก่ชาวต่างชาติที่ประกอบธุรกิจและอาศัยอยู่ในประเทศไทยอยู่แล้วเท่านั้น ซึ่งหากไทยต้องการดึงดูดนักลงทุนและแรงงานที่มีศักยภาพสูงจากต่างประเทศให้เข้ามาทำงานและอาศัยอยู่ในประเทศไทยมากขึ้น ควรขยายเกณฑ์คุณสมบัติของผู้มีสิทธิได้รับวีซ่า LTR ให้กว้างกว่านี้

         5. ประเทศไทยมีระบบบริการด้านการเงินที่ดี มีการนำ Digital ID มาใช้ในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนในการให้บริการด้านการเงินอิเล็กทรอนิกส์ แต่ระบบ Digital ID รองรับการใช้งานแค่คนไทยเท่านั้น จึงควรพัฒนาระบบ Digital ID ให้รองรับการสมัครใช้งานของชาวต่างชาติด้วย เพื่อให้ชาวต่างชาติสามารถเข้าถึงและใช้ระบบ e-Payment ของประเทศไทยได้ด้วย

        
6. จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว ประชาชนตกงาน และนักลงทุนต่างชาติปิดกิจการและย้ายฐานการผลิตไปประเทศเพื่อนบ้าน จึงควรเร่งปรับปรุงการดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติด้วยการเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) พัฒนาทักษะของแรงงานไทยให้สูงขึ้น และออกมาตรการดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มขยายตัวในอนาคต เช่น อุตสาหกรรมเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันการดึงดูดการลงทุนกับประเทศเพื่อนบ้านได้

         สำนักงาน ก.พ.ร. จะได้ดำเนินการร่วมกับหอการค้าต่างประเทศ เพื่อหาแนวทางในการปรับปรุงการอำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจในแต่ละด้านให้ตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ และจะนำเสนอรองนายกรัฐมนตรี (นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์) ต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า