ข่าวสาร ก.พ.ร.

การประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาทางดิจิทัลตามงานบริการ Agenda สำคัญ ครั้งที่ 3/2565

23 พ.ค. 2565
0

เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดการประชุมคณะทำงานขับเคลื่อนการพัฒนาทางดิจิทัลตามงานบริการ Agenda สำคัญ ครั้งที่ 3/2565 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนางอารีย์พันธ์ เจริญสุข รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นประธาน พร้อมด้วยนายสมคิด จิรานันตรัตน์ ที่ปรึกษาคณะทำงานฯ นางสาววิริยา เนตรน้อย ที่ปรึกษาการพัฒนาระบบราชการ และผู้ทรงคุณวุฒิร่วมเป็นคณะทำงาน ที่ประชุมได้พิจารณาและหารือตามวาระต่าง ๆ ดังนี้

1. พิจารณา (ร่าง) แนวปฏิบัติกระบวนการทางดิจิทัลภาครัฐ ซึ่งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) ได้จัดทำขึ้นเป็นวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ตามมาตรา 19 แห่งร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. …. ประกอบด้วย 8 กระบวนการ ได้แก่ (1) การสืบค้นข้อมูล (2) การพิสูจน์และยืนยันตัวตน (3) การจัดทำแบบคำขอ และยื่นคำขอ (4) ตรวจสอบและพิจารณาคำขอ (5) การอนุมัติ (6) การชำระค่าธรรมเนียม (7) การออกใบอนุญาตและเอกสารอื่น และ (8) การจัดส่งใบอนุญาตและเอกสารอื่น โดยมีแนวปฏิบัติให้หน่วยงานพิจารณาดำเนินการได้ตามความพร้อมทางดิจิทัลของแต่ละหน่วยงาน ภายใต้ช่องทางและวิธีการที่มีความหลากหลาย แต่จะมีวิธีการที่กำหนดให้หน่วยงานต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎหมายและกฎระเบียบที่มีอยู่ เช่น ต้องจัดให้มีอีเมลของหน่วยงาน เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2564 หรือต้องประเมินความเสี่ยงในการกำหนดระดับความน่าเชื่อถือของการพิสูจน์และยืนยันตัวตนของงานบริการแต่ละชนิด เป็นต้น ทั้งนี้ ที่ประชุมมีความเห็นเกี่ยวกับ (ร่าง) แนวปฏิบัติฯ ดังนี้

1.1 การกำหนดแนวปฏิบัติจะต้องเป็นการกำหนดให้หน่วยงานดำเนินการโดยเคร่งครัด (ต้อง…) มากกว่าการกำหนดเป็นทางเลือกหรือความสมัครใจ (ควร…) และควรกำหนดขั้นตอนการดำเนินการเป็นลำดับขั้นเพื่อให้หน่วยงานภาครัฐมีการพัฒนายกระดับการดำเนินการตามกระบวนการทางดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และอาจกำหนดตัวชี้วัดความพึงพอใจของผู้รับบริการเพื่อประเมินว่าหน่วยงานจะต้องพัฒนากระบวนการทางดิจิทัลอีกมากน้อยอย่างไร

1.2 การแนวปฏิบัติที่กำหนดขึ้นนี้ เป็นมุมมองในรูปแบบ Inside-out เพื่อให้หน่วยงานดำเนินการตามกฎหมายหรือมาตรฐานต่าง ๆ กล่าวคือ มองจากผู้ให้บริการ (หน่วยงานภาครัฐ) ไปยังผู้รับบริการ จึงควรต้องพิจารณาในมุมมองแบบ Outside-in ที่ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง มีการศึกษา User Journey ว่าประชาชนมีประสบการณ์อย่างไร และมีข้อจำกัดหรือ pain point ที่ต้องการแก้ไขอย่างไรด้วย เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนได้จริง นอกจากนี้ ควรต้องกำหนดเป้าหมายของการดำเนินการให้ชัดเจน เช่น การยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง การให้บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) ซึ่งอาจดำเนินการได้ในรูปแบบ Common Service

1.3 การพิสูจน์และยืนยันตัวตนจะต้องพิจารณาตามความเสี่ยงของประเภทธุรกรรมเพื่อเป็น Guideline ว่าควรใช้ระดับการพิสูจน์และยืนยันตัวตน (IAL/AAL) ในระดับใด นอกจากนี้ อาจจัดประเภทธุรกรรมเพื่อทำเป็น Service Directory เพื่อให้สามารถกำหนดระดับ IAL/AAL ได้ง่ายและมีมาตรฐาน

2. ให้ความเห็นกับการเตรียมความพร้อมของหน่วยงานภาครัฐต่อการบังคับใช้ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 ซึ่งจะมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2565 เป็นต้นไป เช่น การขอเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างหน่วยงานที่จะต้องให้ความยินยอมจากบุคคลหรือไม่นั้น จะต้องคำนึงถึงภารกิจและอำนาจหน้าที่ของหน่วยงานที่มาขอเชื่อมโยงข้อมูล และขอบเขตของข้อมูลที่ต้องการ

ทั้งนี้ ฝ่ายเลขานุการฯ จะได้นำความเห็นที่ได้รับจากการประชุมคณะทำงานฯ ไปจัดทำเป็นข้อมูลประกอบการนำเสนอ อ.ก.พ.ร. เกี่ยวกับการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล ต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า