เมื่อวันจันทร์ที่ 28 มีนาคม 2565 สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดการประชุมคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบราชการเกี่ยวกับการขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล ครั้งที่ 2/2565 ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ โดยมีนางสาวรื่นวดี สุวรรณมงคล ประธานอนุกรรมการฯ เป็นประธานการประชุม
ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบในหลักการในเรื่องที่มีการนำเสนอต่อ อ.ก.พ.ร.ฯ ดังนี้
1. การนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการจากหน่วยงานของรัฐ ที่ปัจจุบันมีหน่วยงานที่มีภารกิจด้านการเงินและภาษีได้นำ Blockchain ไปใช้ และสามารถพิจารณางานบริการประเภทอื่นมาประยุกต์ใช้ได้ในอนาคต ซึ่งรวมถึงงานบริการ ที่มุ่งเน้นการให้บริการประชาชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน เช่น
– ระบบลงคะแนนเสียง ที่จะต้องแยกออกเป็น 2 ระบบ คือ ระบบยืนยันตัวตน เพื่อเป็นการยืนยันสิทธิและป้องกันการโหวตซ้ำ และระบบการโหวต ที่ต้องไม่เปิดเผยว่าใครโหวตอย่างไร โดยในระยะแรกอาจเริ่มดำเนินการสำหรับการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งภายในองค์กรหรือการคัดเลือกคณะกรรมการ ที่ไม่สลับซับซ้อนได้ เป็นต้น
– การบริหารความโปร่งใสในการจัดการเรื่องร้องเรียนของประชาชนตั้งแต่ต้นจนจบกระบวนการ ซึ่งเป็นการพัฒนาระบบในสนับสนุนการจัดการเรื่องร้องเรียนสำหรับการดำเนินการข้ามหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนและหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องสามารถเข้าถึงชุดข้อมูลเดียวกัน และสามารถติดตาม ตรวจสอบสถานะว่าเรื่องร้องเรียนอยู่ในขั้นตอนใด อยู่ที่หน่วยงานใด รวมถึงทราบผลการจัดการว่าเป็นอย่างไร โดยอาจเริ่มดำเนินการในกรณีการติดตามสถานะการแจ้งความกับตำรวจได้ เป็นต้น
– ระบบการชำระเงิน Central Bank Digital Currency (CBDC) หรือสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง เพื่อใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมูลค่าแทนเงินสำหรับธุรกรรมรายย่อยของภาคธุรกิจและประชาชน (retail CBDC)
ทั้งนี้ สำนักงาน ก.พ.ร. จะได้หารือร่วมกับสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล และธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ในรายละเอียดของมาตรฐานและรูปแบบวิธีการในการขยายผลการนำ Blockchain ไปใช้ต่อไป
2. แนวทางการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิทัล (Digital ID) เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยเห็นชอบให้ดำเนินการร่วมกับสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) ในการจัดทำมาตรฐานกลางให้มีความชัดเจนในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนสำหรับการเข้าใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นต่าง ๆ รวมถึงการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางใบหน้า (Face Verification Service) และดำเนินการร่วมกับกระทรวงการคลังและ สพร. ในการทำหน้าที่เป็นผู้พิสูจน์และยืนยันตัวตน (IDP : Identity provider) ให้กับหน่วยงานภาครัฐซึ่งเป็นผู้อาศัยการยืนยันตัวตน (RP: Relying party) สำหรับการเข้าใช้งานผ่านแอปพลิเคชั่นของภาครัฐ โดยอาจดำเนินการยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง หรือแอปพลิเคชั่นของธนาคาร ซึ่งมีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมาก และประชาชนมีความคุ้นเคย โดยที่หน่วยงานภาครัฐไม่ต้องพัฒนาระบบใหม่ขึ้นเอง ทั้งนี้ ให้พิจารณาถึงความสะดวกของประชาชนในการยืนยันตัวตนด้วยวิธีการหนึ่งแล้วสามารถยืนยันตัวตนทำธุรกรรมอื่น ๆ ได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนในรูปแบบอื่นใหม่อีกครั้ง