เมื่อวันที่ 4 มีนาคม 2565 นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธาน อ.ก.พ.ร. เฉพาะกิจเกี่ยวกับการศึกษาและกำหนดแนวทางการพัฒนาแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทย (NDTP) ได้เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 1/2565 ในการติดตามการขับเคลื่อนการพัฒนาแพลตฟอร์ม NDTP และสนับสนุนให้การดำเนินการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดผลเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน อันจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อ ประชาชน ภาคเอกชน และเป็นการเพิ่มศักยภาพในด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยด้วยระบบดิจิทัล
ที่ประชุม ได้รับทราบ และพิจารณาให้ความเห็นในประเด็นต่าง ๆ ของการดำเนินการทั้งในด้านเทคนิคและมาตรฐาน ด้านการออกแบบธุรกิจ ด้านระเบียบและกฎหมาย ที่คณะทำงานภายใต้ อ.ก.พ.ร. เฉพาะกิจฯ NDTP ได้นำเสนอต่อที่ประชุม โดยมีประเด็นที่สำคัญ ดังนี้
1. คณะทำงานด้านเทคนิคและมาตรฐาน ได้รายงานความคืบหน้าของการดำเนินการด้านเทคนิคและมาตรฐานในการพัฒนาแพลตฟอร์ม NDTP ซึ่งคณะทำงานฯ ได้มีการลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (Term of Reference) กับ TradeWaltz ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดคความร่วมมือในการทดสอบการเชื่อมต่อแพลตฟอร์ม NDTP กับ TradeWaltz ที่ชัดเจน ตลอดจนรายงานความคืบหน้าการหารือความร่วมมือกับ SGTradeX ประเทศ Singapore ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มการค้าของต่างประเทศที่สำคัญ ที่จะทดสอบการเชื่อมต่อในเชิงเทคนิคในระยะต่อไป รวมถึงได้เสนอแนวความคิดการออกแบบสถาปัตยกรรมของระบบทดสอบของแพลตฟอร์ม NDTP (Architecture NDTP Platform (Pilot State) ที่ได้มีการศึกษาในรายละเอียดร่วมกับคณะทำงานด้านเทคนิคและมาตรฐาน ที่พร้อมใช้เป็นแนวทางในการพัฒนาระบบทดสอบ นอกจากนี้ สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ได้นำเสนอความคืบหน้าของการจัดทำมาตรฐานข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์สำหรับเอกสารการค้า ตามที่ได้รับมอบหมายจาก อ.ก.พ.ร. เฉพาะกิจฯ NDTP ที่ให้มีการศึกษาและกำหนดมาตรฐานของข้อมูลและเอกสารที่สอดคล้องกับมาตรฐานในระดับสากล ซึ่งจากผลการศึกษาแสดงให้เห็นถึงความพร้อมในด้านมาตรฐานเอกสารของไทย ที่จะสามารถนำมาใช้ในการทดสอบระบบได้ในระยะต่อไป
2. คณะทำงานด้านการออกแบบรูปแบบธุรกิจ ได้นำเสนอความคืบหน้าของการดำเนินการให้บริการแพลตฟอร์มการค้าดิจิทัลระหว่างประเทศของไทยในรูปแบบการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public Private Partnership : PPP) ซึ่งปัจจุบันสำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดทำและนำส่งข้อเสนอโครงการฯ ไปยังสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เพื่อนำโครงการดังกล่าวเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคัดกรองโครงการ จัดลำดับความสำคัญและความจำเป็นเร่งด่วน และบรรจุในแผนการจัดทำโครงการร่วมลงทุน พ.ศ. 2563 – 2570 ฉบับปรับปรุงต่อไป โดยที่ประชุมได้รับทราบความก้าวหน้า และการปรับแผนระยะเวลาดำเนินการโครงการ NDTP ในรูปแบบ PPP เพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางการดำเนินการตามระเบียบและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และสามารถพัฒนาแพลตฟอร์มเพื่อให้สามารถให้บริการได้จริงในลำดับต่อไป ทั้งนี้ ที่ประชุมขอให้คณะทำงานด้านการออกแบบรูปแบบธุรกิจ พิจารณาถึงรายละเอียดของรูปแบบและความเหมาะสมของการสนับสนุนจากภาครัฐ เพื่อให้ผู้ที่เข้าใช้บริการแพลตฟอร์ม NDTP ได้รับสิทธิประโยชน์จากภาครัฐ ตลอดจนกำหนดค่าใช้จ่ายในการรับบริการที่เหมาะสม โดยอาจศึกษาจากแนวทางการดำเนินงานของต่างประเทศ เพื่อให้และสามารถดึงดูดให้ผู้ประกอบการเห็นประโยชน์ของการรับบริการนำเข้าส่งออกด้วยระบบดิจิทัล และหันมาใช้บริการแพลตฟอร์ม NDTP ให้ได้มากที่สุด
3. คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ได้นำเสนอความคืบหน้าในการพัฒนาระบบทดสอบ (Pilot Live) ที่ได้พัฒนาต่อยอดจากระบบต้นแบบ (Prototype) ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ทำการศึกษาและออกแบบไว้แล้ว โดยภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ อาทิ กรมศุลกากร สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ในการร่วมกันพัฒนา Pilot Live เพื่อให้สามารถทดสอบการเชื่อมต่อกับต่างประเทศได้ภายในเดือนพฤศจิกายน 2565 สำหรับนำเสนอในการประชุม APEC 2022 ตามเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้ร่วมกัน
4.ที่ประชุมได้ร่วมกันพิจารณาความก้าวหน้าด้านระเบียบและกฎหมาย ซึ่งถือเป็นส่วนที่สำคัญในการผลักดันให้แพลตฟอร์ม NDTP สามารถให้บริการได้จริง โดยขอให้มีการศึกษาในรายละเอียดของกฎหมายที่เกี่ยวข้องในทุกฉบับเพื่อให้สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่ามีกฎหมายใดบ้างที่เป็นอุปสรรคและต้องปรับปรุงแก้ไข หรือกฎหมายที่กำลังจะตราขึ้นใหม่ใดบ้างสามารถนำมาใช้ในการสนับสนุนการดำเนินการเกี่ยวกับการค้าดิจิทัล อันจะทำให้การพัฒนาแพลตฟอร์ม NDTP ประสบผลสำเร็จตามที่คาดหวัง สามารถให้บริการเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระในด้านการนำเข้าและส่งออกให้แก่ผู้ประกอบการได้อย่างสูงสุดต่อไป
ทั้งนี้ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ประธาน อ.ก.พ.ร. เฉพาะกิจฯ NDTP ขอขอบคุณหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนทุกหน่วยงาน ที่ได้ร่วมมือกันอย่างดียิ่งในสนับสนุนและผลักดันการพัฒนาแพลตฟอร์ม NDTP ให้สามารถเกิดขึ้นได้ ซึ่งความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นส่วนสำคัญในการขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศในด้านการค้าการลงทุนในภาพรวมได้อย่างเต็มศักยภาพ อันจะก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดียิ่ง และเกิดประโยชน์อย่างสูงสุดต่อประเทศและประชาชนไทย