ข่าวสาร ก.พ.ร.

The 10th ASEAN International Conference หัวข้อ “Reshaping Trust in Government: Towards Open, Innovative and Digital Governments in Southeast Asia” (กิจกรรมวันที่ 3)

24 ก.พ. 2565
0

The 10th ASEAN International Conference หัวข้อ “Reshaping Trust in Government: Towards Open, Innovative and Digital Governments in Southeast Asia” วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2565 (กิจกรรมวันที่ 3)

เน้นเรื่องการยกระดับความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาครัฐ โดยมุ่งไปสู่การเป็นรัฐบาลที่ยืดหยุ่น คล่องตัว (Agile Government) ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางเพื่อส่งต่องานบริการภาครัฐที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและเกิดความโปร่งใส
ผู้เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบด้วยผู้แทนจากประเทศสมาชิกอาเซียน +9 จำนวน 9 ประเทศ ได้แก่ อินโดนีเซีย เวียดนาม มาเลเซีย กัมพูชา ลาว สิงคโปร์ บรูไน เกาหลีใต้ และไทย ผู้แทนจากทวีปเอเชีย จำนวน 3 ประเทศ ได้แก่ อินเดีย ไต้หวัน และอิสราเอล ผู้แทนจากทวีปยุโรป จำนวน 3 ประเทศ ได้แก่ ฟินแลนด์ โปแลนด์ และสโลวีเนีย รวมทั้งผู้แทนจาก OECD โดยมีผู้เข้าร่วมการประชุมทั้งสิ้น จำนวน 78 คน

สรุปประเด็นสำคัญของงานในวันที่สาม ดังนี้

– การเป็นรัฐบาลที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างส่งผลให้ภาครัฐปรับตัวตอบสนองต่อสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงที และจะสามารถให้บริการภาครัฐได้ตรงตามความต้องการประชาชน นำไปสู่ความเชื่อมั่นของประชาชนต่อภาครัฐ
– การเป็นรัฐบาลดิจิทัลต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการสร้างธรรมาภิบาลภาครัฐ คำนึงถึงความถูกต้องทางกฎหมายและความเป็นเหตุเป็นผลในการบริหารภาครัฐ เพื่อให้สามารถนำไปปฏิบัติจริงได้อย่างเหมาะสมทั้งในเชิงกฎหมายและหลักปฏิบัติ

บทเรียนจากประเทศที่เข้าร่วมเสวนา

– ประเทศเวียดนามมีเป้าหมายในการเข้าสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 จึงเน้นการเป็นรัฐบาลดิจิทัล
โดยเตรียมพร้อมทั้งกฎระเบียบ กฎหมาย การพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากร และการขับเคลื่อนประเทศด้วยข้อมูล
– ประเทศญี่ปุ่นได้จัดทำนโยบายสังคม 5.0 (Society 5.0) ที่ภาครัฐจะต้องทำงานอย่างยืดหยุ่น และประสานงานความร่วมมือหรือถ่ายโอนบทบาทภารกิจให้ภาคเอกชนเข้ามาร่วมดำเนินการให้บริการสาธารณะ ทั้งนี้ การวางเป้าหมายพัฒนาประเทศเพื่อสังคมและส่วนรวมจะช่วยดึงดูดภาคเอกชนให้เข้ามาร่วมดำเนินการและสร้างนวัตกรรมในการพัฒนาประเทศไปพร้อมๆ กัน
– ประเทศสิงคโปร์เห็นว่าการเป็นรัฐบาลที่ยืดหยุ่นและเปิดกว้างจะสามารถตอบสนองความต้องการ
ของประชาชนได้อย่างเหมาะสมและทันท่วงที ซึ่งจะนำไปสู่ความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อภาครัฐ ทั้งนี้
การทำให้ภาครัฐมีประสิทธิภาพและคล่องตัว ประกอบด้วย การเข้าใจความต้องการและความคาดหวัง
ของประชาชน และการสร้างวัฒนธรรมที่เปิดโอกาสให้เกิดการกล้าคิด กล้าทำ และไม่ลงโทษจากความผิดพลาด
ที่เกิดจากการทดลองสิ่งใหม่ ๆ
– ประเทศออสเตรเลียเห็นว่าความคล่องตัวในภาครัฐเกิดจากการที่ทุกหน่วยงานมีวิสัยทัศน์ร่วมกันและ
มีความเชื่อมั่นในบุคลากร ทั้งนี้ การมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลจะต้องตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน และจัดให้มีช่องทางออนไลน์เพื่อให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมได้สะดวกยิ่งขึ้น
– ประเทศไทยใช้เทคโนโลยีและการบริหารข้อมูลในการให้บริการภาครัฐ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง เช่น การบริหารข้อมูลเพื่อหาจุดสมดุลในการรองรับผู้ป่วยโควิด การใช้เอกสารรับรองการเดินทางเข้าประเทศ
แบบอิเล็กทรอนิกส์ (Thailand Pass) เพื่อลดขั้นตอนการกรอกเอกสาร

– OECD เห็นว่าภาครัฐควรให้ความสำคัญกับการนำข้อมูลมาใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจและสังคมดิจิทัล โดยการกำกับดูแลข้อมูลที่ดีจะต้องมีจริยธรรมและจรรยาบรรณในการใช้ข้อมูล รวมถึงมีการเปิดเผยข้อมูลสู่สาธารณะ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า