รัฐบาลดิจิทัล (Digital Government) หมายถึง การนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานภาครัฐและการบริการสาธารณะ โดยปรับปรุงการบริหารจัดการและบูรณาการข้อมูลภาครัฐและการทำงานให้มีความสอดคล้องและเชื่อมโยงเข้าด้วยกันอย่างมั่นคงปลอดภัยและมีธรรมาภิบาล เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและอำนวยความสะดวกในการให้บริการประชาชน ในการเปิดเผยข้อมูลภาครัฐต่อสาธารณชน และสร้างการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
จากดัชนีรัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์ (E-Government Development Index: EGDI) ที่ถูกจัดอันดับโดยองค์การสหประชาชาติในทุก 2 ปี ซึ่งดัชนีสามารถประเมินความพร้อมของการพัฒนารัฐบาลอิเล็กทรอนิกส์และสะท้อนถึงความสามารถของภาครัฐ ในการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการประชาชนมุ่งสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยในปี 2020 ประเทศไทยได้ขยับอันดับขึ้นมาจากอันดับที่ 73 เป็นอันดับที่ 57 จาก 193 ประเทศ เมื่อเทียบกับผลการสำรวจในรอบปี 2018 ซึ่งเป็นการยกระดับขึ้นจากประเทศในกลุ่มที่มีการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลในระดับสูง มาอยู่ในกลุ่มที่มีการพัฒนาในระดับสูงมาก ร่วมกับอีก 56 ประเทศ และยังถือได้ว่าเป็นอันดับที่ 3 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 11 และมาเลเซีย อันดับที่ 47 ของโลก จากข้อมูลการจัดอันดับดังกล่าว จะเห็นได้ว่าประเทศสิงคโปร์เป็นประเทศที่มีการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลสูงสุดในอาเซียน ในที่นี่จะขอยกตัวอย่างของประเทศสิงคโปร์ถึงแนวทางปฏิบัติที่ดีสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล
ในปี 2014 สิงคโปร์ได้เปิดตัวโครงการ Smart Nation โดยมีเป้าหมายหลักคือการใช้เทคโนโลยี เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของประชาชนและเพื่อเปลี่ยนแปลงเศรษฐกิจด้วยการสร้างงานและโอกาสให้มากขึ้น รัฐบาลได้จัดตั้งหน่วยงานกลาง Smart Nation and Digital Government Group (SNDGG) ภายใต้สำนักนายกรัฐมนตรี (PMO) ดังภาพที่ 1 เพื่อดำเนินโครงการ Smart Nation โดยแบ่งออกเป็น 2 หน่วยงาน ได้แก่ Smart Nation and Digital Government Office (SNDGO) มีบทบาทเชิงกลยุทธ์ และ Government Technology Agency (GovTech) ทำหน้าที่เป็นหน่วยงานปฏิบัติในการขับเคลื่อนให้เกิดการปฏิรูปดิจิทัล (Digital Transformation) ในภาครัฐ ซึ่งทั้งสองหน่วยงานดังกล่าวจะปฏิบัติงานร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงการบริการภาครัฐสู่ระบบดิจิทัล
วิสัยทัศน์การพัฒนารัฐบาลดิจิทัล คือ Digital to the Core, and Serves with Heart ภายใต้แผน Digital Government Blueprint (DGB) 2023 ที่เน้นปรับปรุงคุณภาพการให้บริการ เพิ่มประสิทธิภาพและประสิทธิผล และเปิดใช้งานวิธีการใหม่ที่ดีกว่า เพิ่มการมีส่วนร่วมระหว่างประชาชนและภาคธุรกิจ รวมทั้งทุกหน่วยงานของรัฐใช้ระบบดิจิทัลแบบ end-to-end ตั้งแต่การพัฒนานโยบายและการวางแผน ไปจนถึงการจัดการ การดำเนินงานและการส่งมอบบริการ เพื่อใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่จากการเป็น Digitalization ดังแสดงในภาพที่ 2 การดำเนินการนี้จะต้องใช้การเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐานในการพัฒนาบุคลากร การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน การตรวจสอบกระบวนการ และการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและข้อมูลที่ดีขึ้น
ยุทธศาสตร์ 6 ประการในการสร้างรัฐบาลดิจิทัล ได้แก่ 1) บูรณาการการบริการเพื่อตอบสนองต่อประชาชนและภาคธุรกิจ 2) ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงนโยบาย การปฏิบัติและเทคโนโลยีเข้าด้วยกัน 3) สร้างแพลตฟอร์มกลางด้านดิจิทัลและข้อมูล 4) บริหารจัดการระบบด้วยความเชื่อมั่น ยืดหยุ่น และมีความปลอดภัย 5) ยกระดับความสามารถของบุคลากรด้านดิจิทัลให้เท่าทันต่อนวัตกรรม และ 6) สร้างสรรค์บริการดิจิทัลร่วมกับประชาชนและภาคธุรกิจ และอำนวยความสะดวกในการนำเทคโนโลยีมาใช้ ซึ่งจากยุทธศาสตร์ทั้ง 6 ประการนี้ จะทำให้เกิดผลลัพธ์ที่นำไปสู่การพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ได้แก่ 1) งานบริการที่ใช้งานง่าย 2) ไร้รอยต่อ 3) ระบบและข้อมูลมีความปลอดภัย 4) สอดคล้องกับความต้องการ 5) บุคลากรมีทักษะด้านดิจิทัล และ 6) สถานที่ทำงานที่เป็นดิจิทัล ที่จะทำให้ประเทศสิงคโปร์เป็น Smart Nation ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ โดยสามารถแสดงถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จะนำไปสู่ภาพรวมการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศสิงคโปร์ ดังภาพที่ 3
นอกจากนี้ การขับเคลื่อนให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมแสดงให้เห็นผ่าน Strategic National Projects (SNPs) ที่สำคัญ (ดังภาพที่ 4) เช่น
1) การพัฒนาระบบนิเวศ National Digital Identity เพื่อให้ผู้ใช้มี Digital ID เดียวในการทำธุรกรรมกับภาครัฐและภาคเอกชนอย่างปลอดภัยและสะดวกขึ้น
2) การผลักดัน e-Payments ให้มากขึ้น เพื่อให้ประชาชน ภาคธุรกิจ และหน่วยงานภาครัฐ สามารถชําระเงินผ่านระบบดิจิทัลที่ง่าย ปลอดภัยและราบรื่น ลดความจําเป็นในการใช้เงินสดและเช็ค
3) โครงการ LifeSG (เดิมชื่อว่า Moments of Life) เป็นการรวมบริการและข้อมูลจากกรอบการมองที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลาง เพื่อส่งมอบข้อมูลและบริการให้กับประชาชนในเหตุการณ์สำคัญในทุกช่วงชีวิต
4) โครงการ Smart Urban Mobility ใช้ประโยชน์จากข้อมูลและเทคโนโลยีดิจิทัล รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ และยานพาหนะขับเคลื่อนอัตโนมัติเพื่อยกระดับการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะ
5) แพลตฟอร์ม Smart Nation Sensor สิงคโปร์จะมีแพลตฟอร์มเซ็นเซอร์แบบบูรณาการทั่วประเทศ เพื่อปรับปรุงบริการในท้องถิ่น การดำเนินงานระดับเมือง การวางแผนและการรักษาความปลอดภัย ซึ่งจะช่วยให้สามารถสร้างและบริหารเมืองอย่างชาญฉลาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และน่าอยู่มากขึ้น
6) CODEX (Core Operations Development Environment and eXchange) เป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่ช่วยให้ภาครัฐและภาคเอกชนสามารถทำงานร่วมกันเพื่อพัฒนาบริการที่เน้นผู้ใช้เป็นศูนย์กลางมาก ช่วยให้ภาครัฐส่งมอบบริการดิจิทัลให้แก่ประชาชนได้เร็วขึ้น และคุ้มค่ามากขึ้น
จะเห็นได้ว่ารัฐบาลสิงคโปร์มีทิศทางการพัฒนาประเทศเพื่อยกระดับภาครัฐสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัลอย่างชัดเจน โดยเน้นที่ประชาชนเป็นศูนย์กลาง นำเทคโนโลยีมายกระดับการเปลี่ยนแปลงประเทศด้วยดิจิทัลเพื่อให้เป็น Smart Nation อย่างยั่งยืน
สำหรับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัลของประเทศไทยได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องด้วยความร่วมมือของทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นการเร่งผลักดันในการพัฒนาระบบการพิสูจน์และยืนยันตัวตน (Digital ID & Signature) การพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งจะช่วยลดการเรียกสำเนาเอกสารทางราชการที่ออกให้โดยหน่วยงานภาครัฐ เช่น ศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลภาครัฐ (Government Data Exchange Center: GDX) ระบบสารสนเทศเชื่อมต่อฐานข้อมูลประชาชน (Linkage Center) เป็นต้น การพัฒนาช่องทางการให้บริการภาครัฐสำหรับประชาชนและภาคธุรกิจในรูปแบบของการให้บริการแบบเบ็ดเสร็จในลักษณะของ End – to – End service process ได้แก่ Citizen Portal, Biz Portal และ Foreigner Portal นอกจากนี้ ยังส่งเสริมการใช้ระบบ e-Payment เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้รับบริการทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจมากยิ่งขึ้น จะเห็นได้ว่าภาครัฐไทยมีการดำเนินการต่าง ๆ เพื่อผลักดันการขับเคลื่อนไปสู่การเป็นรัฐบาลดิจิทัล อันจะส่งผลให้ประชาชนได้รับความสะดวกในการติดต่อขอรับบริการจากภาครัฐในยุค New Normal ได้อย่างต่อเนื่อง และพัฒนาการให้บริการไปสู่รูปแบบรัฐบาลดิจิทัลได้อย่างแท้จริง