เมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2565 สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดประชุมสัมมนาออน์ไลน์เรื่อง “การขับเคลื่อนส่งเสริมการนำงานวิจัยเกี่ยวกับการจัดการเศษวัสดุการเกษตร เพื่อแก้ปัญหาลดฝุ่นควัน PM2.5 จากการเผาในภาคการเกษตร” โดยมี ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (สกสว.) (รศ.ดร. ปัทมาวดี โพชนุกูล) และรองเลขาธิการ ก.พ.ร. (นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข) กล่าวเปิดการสัมมนา และประธาน อ.ก.พ.ร. เกี่ยวกับการส่งเสริมการบริหารงานภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม (นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์) กล่าวถึงภาพรวมและแนวคิดของการนำงานวิจัยไปใช้ประโยชน์เพื่อลดการเผาเศษวัสดุในพื้นที่เกษตร สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. งานวิจัยของ สกสว. และการดำเนินงานของสำนักงาน ก.พ.ร. มีการทำงานที่ช่วยเสริมและเติมเต็มการทำงานระหว่างกัน โดย สกสว. ได้เข้ามาช่วยเสริมการสร้างระบบนิเวศภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย (Open Government and Meaningful Participation : OG & MP) เพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยเฉพาะองค์ประกอบด้านการสนับสนุนองค์ความรู้ และการพัฒนาเทคโนโลยี นวัตกรรม และโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีประชาชนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและพื้นที่ต่าง ๆ สามารถนำไปใช้ประโยชน์เพื่อลดการเผาเศษวัสดุในพื้นที่เกษตรในพื้นที่ได้
2. ในปี พ.ศ. 2565 สำนักงาน ก.พ.ร. ได้ดำเนินการสร้างระบบนิเวศภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมายอีก 2 เรื่อง ได้แก่ การจัดทำงบประมาณแบบมีส่วนร่วม (Participatory Budgeting) และ การเปิดเผยข้อมูลเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมในการพัฒนาสถานศึกษาอย่างยั่งยืน (School Open Data) งานวิจัยของ สกสว. จะมาช่วยเสริมการทำงานในทั้งสองเรื่องนี้ได้ และจะทำให้เกิดเวทีในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้ทำวิจัย ผู้ใช้ประโยชน์จากงานวิจัย หน่วยงานขับเคลื่อนเชิงนโยบาย และระดับพื้นที่ เพื่อหาแนวทางในการขับเคลื่อนการแก้ปัญหาร่วมกันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. การสร้างภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วมอย่างมีความหมาย เป็นการดำเนินงานร่วมกันของภาคีเครือข่าย ทั้งระหว่างหน่วยงานภาครัฐด้วยกัน ภาครัฐกับภาคเอกชน ภาครัฐกับชุมชน/ประชาชน โดยมีการดำเนินการขับเคลื่อนการทำงานทั้งในระดับส่วนกลางและระดับพื้นที่ ก่อให้เกิดนวัตกรรมการมีส่วนร่วมระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาชน (Public Private People Partnership) ในเรื่องต่างๆ เช่น การพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กฎระเบียบ/กฎหมาย แรงจูงใจด้านเศรษฐศาสตร์ เป็นต้น
4. ผลจากการสัมมนาในวันนี้ได้ข้อเสนอแนะในการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จากการเผาในพื้นที่ภาคการเกษตร ดังนี้
(1) พัฒนาเครื่องจักรและอุปกรณ์ในการเก็บอ้อยของไทย เช่น พัฒนารถตัดอ้อย รถเก็บใบอ้อย อุปกรณ์พลิกกลบใบอ้อย เครื่องตัดอ้อยขนาดเล็ก ให้มีราคาถูกและมีประสิทธิภาพ
(2) ส่งเสริมการการเพิ่มมูลค่าจากใบอ้อย เช่น นำไปผลิตเป็นพลังงานชีวมวล ผลิตอาหารสัตว์ ผลิตแผ่นติดแผล ผลิตกรดไขมัน โอเมก้า 3 นำใบอ้อยไปใช้ในการผลิตสิ่งทอ เช่น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า หมวก ฯลฯ
(3) เสริมสร้างแรงจูงใจเชิงบวก เช่น การสร้างรายได้แก่เกษตรกรหากไม่มีการเผาในพื้นที่การเกษตร รับซื้ออ้อยสดในราคาดีกว่าอ้อยไฟไหม้
(4) ส่งเสริม smart farming เช่น การจัดรูปแปลงให้มีขนาดใหญ่เพื่อให้รถตัดเข้าถึงได้ การลดต้นทุนการผลิตให้แก่เกษตรกรเพื่อให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังมีปัญหาอุปสรรคบางประการ เช่น เครื่องจักรในการตัดอ้อยมีราคาแพง ปริมาณการรับซื้อพลังงานชีวมวลมีจำกัด การรับซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากใบอ้อยมีจำนวนน้อย การปรับรูปแปลงให้มีขนาดใหญ่โดยการรวมแปลงจากเกษตรกรรายย่อยทำได้ยาก การจัดเก็บใบอ้อยจำนวนมากมีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดไฟไหม้ ดังนั้น แนวทางในการแก้ไขปัญหาจะต้องมองในภาพรวมทั้งระบบ เพื่อให้สามารถแก้ไขได้อย่างครบวงจร