ข่าวสาร ก.พ.ร.

ระดมไอเดียภาคเอกชน ยกระดับกฎหมายอำนวยความสะดวก

8 ธ.ค. 2564
0

เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2564 สำนักงาน ก.พ.ร. จัดประชุมรับฟังความคิดเห็นผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เกี่ยวกับประเด็นร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ พ.ศ. 2558 ฉบับแก้ไข โดยมีรองเลขาธิการ ก.พ.ร. (นางอารีย์พันธ์ เจริญสุข) เป็นประธานการประชุม โดยมีผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา (นายปณตภร จงธีรโชติ) ร่วมชี้แจงและให้ข้อมูลเพิ่มเติมในประเด็นของข้อกฎหมาย พร้อมด้วยผู้แทนจากภาคเอกชน และนักวิชาการ เข้าร่วม ซึ่งที่ประชุมโดยส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการปรับปรุงพระราชบัญญัติฯ และมีข้อเสนอแนะเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์ เช่น

1. ในการออกแบบกฎหมาย หรือกฎระเบียบต่าง ๆ ควรมองที่ลูกค้าหรือประชาชนเป็นศูนย์กลาง (Customer centric) และควรเน้น agenda base มากกว่าการใช้ขั้นตอนในหน่วยงานเป็นตัวตั้ง รวมถึงการกำหนดระยะเวลาต่าง ๆ ในกฎหมายให้มีความเหมาะสม เนื่องจากในการดำเนินการของหน่วยงานมีความแตกต่างกัน ทั้งในแง่ของจำนวนผู้รับบริการ จำนวนบุคลากรที่มาดำเนินการ ในทางปฏิบัติอาจจะเกิดปัญหาได้

2. การสร้างความชัดเจนในการออกกฎหมายทั้งในเรื่องขั้นตอนการให้บริการ นิยามต่าง ๆ ที่จะมีผลในทางปฏิบัติ การลดใบอนุญาตให้น้อยลง รวมถึงเอกสารต่าง ๆ ระหว่างหน่วยงานภาครัฐควรเชื่อมโยงข้อมูลและขอเอกสารระหว่างหน่วยงานด้วยกันเองได้

3. ภาครัฐควรปรับรูปแบบการทำงานแบบ silo ที่ไม่มีการประสานและบูรณาการการทำงานทั้งภายในองค์กรและภายนอก รวมถึงรูปแบบการอนุมัติที่เป็นขั้น ๆ ใช้เวลานาน ควรปรับเปลี่ยนเป็นการส่งต่อผู้มีอำนาจแทน หรือมีการอนุมัติผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์

4. การนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาใช้ในการทำงาน เช่น blockchain นำไปสู่ Big data ซึ่งหลายหน่วยงานก็มีองค์ความรู้ในเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างดี รวมถึงการปรับรูปแบบการทำงานหรือการให้บริการโดยใช้ลายเซ็นอิเล็กทรอนิกส์ การยืนยันตัวตนด้วย Digital ID เพื่อให้ผู้ขอรับบริการไม่ต้องไปแสดงตัวตน ณ สถานที่รับบริการ ทั้งนี้ ต้องระวังเรื่องของความปลอดภัย ยกตัวอย่างภาคเอกชนมีการเปลี่ยน password ทุก ๆ เดือน หรือการทำงานผ่านมือถือมีการ verified ตัวตน ซึ่งราชการยังถือเป็นช่องโหว่อยู่

5. ควรมีการจัดทำระบบติดตาม feedback หรือ tracking system ที่ครบทั้งระบบ ตั้งแต่การยืนยันตัวตน การออกเลขกำกับแต่ละคำขอ การแสดงขั้นตอน เวลา และความก้าวหน้าไปแต่ละขั้นว่าตรงกับขั้นตอนและเวลาที่กำหนดหรือไม่ โดยผู้ยื่นสามารถสอบถามติดตามได้ หน่วยงานสามารถให้คำตอบได้ และหากมีปัญหาผู้ยื่นสามารถร้องเรียนตามขั้นตอนได้

6. การสร้างความร่วมมือกับภาคส่วนต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคเอกชน ที่ภาครัฐมักจะมีความกังวลไม่มั่นใจในการทำงานกับภาคเอกชน เกิดการผูกขาดการเป็นนวัตกร ทำให้เกิดข้อจำกัดในการพัฒนางานบริการ หรือการสร้างนวัตกรรมใหม่ ๆ

7. ภาครัฐควรมีการติดตามและประเมินผลอย่างถูกต้องตามหลักวิชาการ โดยมีความถี่มากขึ้นและดำเนินการโดยบุคคลที่สาม (Third Party) ไม่ใช่คนในหน่วยงาน

8. เนื่องจากความเร่งด่วนของแต่ละธุรกิจนั้นมีไม่เท่ากัน จึงควรมีการเปิดให้บริการแบบเร่งด่วน fast track หรือ fast lane เหมือนกรณีทำพาสปอร์ตที่แม้ว่าอาจจะต้องจ่ายเพิ่มแต่ประชาชนหรือผู้ประกอบการยินดีที่จะจ่ายหากมีความจำเป็นเร่งด่วน

9. การประชาสัมพันธ์ การสร้างการรับรู้ ควรทำเนื้อหาให้เข้าใจง่าย เพราะโดยส่วนใหญ่มักมีรูปแบบเป็นเอกสาร และใช้ภาษาแบบราชการไม่กระชับ ควรปรับรูปแบบการนำเสนอให้น่าสนใจ มีการทำ web design สื่อสารผ่านช่องทาง internet ให้ประชาชนเข้าใจมากขึ้น

10. การพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษของเจ้าหน้าที่ภาครัฐ เนื่องจากต้องใช้สื่อสารติดต่อกับผู้รับบริการ

ทั้งนี้ จากความเห็นดังกล่าว สำนักงาน ก.พ.ร. จะได้รวบรวมและนำไปประมวลเพื่อประกอบการปรับปรุงร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการ ฉบับแก้ไข ให้เกิดประโยชน์และเกิดผลสัมฤทธิ์ในทางปฏิบัติต่อไป

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า