การประชุม ประกอบด้วย ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม ได้แก่
– สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัด
– สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด
– สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด
– สำนักงานส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นจังหวัด
– สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 2 (ลำปาง)
– สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด
– ภาคเอกชน
– ภาคประชาชน
ผลจากการประชุม สรุปได้ดังนี้
1. แนวทางการพัฒนาระบบนิเวศเพื่อสร้างเสริมภาครัฐระบบเปิดและการมีส่วนร่วม ทั้ง 8 องค์ประกอบ มีสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินงานของจังหวัดลำปาง ทั้งในด้านการเปิดเผยข้อมูลของภาครัฐ การมีนโยบายและกฎหมายที่เอื้อต่อการเปิดระบบราชการ การปรับโครงสร้างองค์การ การสร้างผู้นำที่เปิดกว้าง การสนับสนุนองค์ความรู้และทรัพยากร การพัฒนาเทคโนโลยีและโครงสร้างพื้นฐาน การติดตามนโยบายของภาครัฐ การสร้างวัฒนธรรมองค์กร ไปประยุกต์ใช้ในการป้องกันและแก้ไขปัญหา PM 2.5
2. แนวทางการพัฒนารูปแบบการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารราชการในจังหวัดที่มีผลสัมฤทธิ์สูง ในเรื่องการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) จังหวัดลำปาง
3. แนวทางการดำเนินการเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินการแก้ไขปัญหา PM 2.5 มี Action Plan ดังนี้
3.1 การจัดทำฐานและจัดเก็บข้อมูลเข้าสู่ระบบในลักษณะข้อมูลชุดเดียว (One Data) ทั้งจังหวัด เพื่อใช้ในการตัดสินใจและแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุด
3.2 การพัฒนาเครื่องมือหรือเทคโนโลยีเพื่อเสริมสร้างการมีส่วนร่วมได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น Platform , Application เพื่อใช้ในการแจ้งเหตุไฟป่า
3.3 การพัฒนากฎหมายและกฎระเบียบต่าง ๆ เช่น การผลักดันเรื่องกฎหมายอากาศสะอาด
3.4 การปรับปรุงระเบียบวิธีการจัดทำงบประมาณ เช่น การจัดทำงบประมาณในลักษณะ Area Base และ Agenda Base
3.5 การชดเชย เยียวยา สร้างอาชีพเสริมให้ชาวบ้าน เพื่อปรับเปลี่ยนจากผู้ทำลายป่าเป็นผู้พิทักษ์ผืนป่า เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากชาวบ้านในการดูแลพื้นที่ป่า
3.6 การพัฒนาการสื่อสารเชิงรุกและใช้กลยุทธ์การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ เช่น การมุ่งเน้นความสำคัญในเรื่องของสุขภาพประชาชน ซึ่งเป็นประเด็นที่เเกี่ยวข้องกับประชาชนทุกคน
สำหรับในช่วงบ่าย คณะได้เข้ารับฟังการบรรยายและศึกษาดูงาน “หมู่บ้านต้นแบบปลอดการเผา” ณ ชุมชนบ้านต้นต้อง อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งในอดีตเป็นหมู่บ้านที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ทำลายป่า แต่ปัจจุบันหมู่บ้านแห่งนี้เป็นชุมชนต้นแบบที่ดูแลรักษาป่า อยู่ร่วมกับป่า ใช้ประโยชน์จากป่าอย่างสมดุลและยั่งยืน โดยมีหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และชาวบ้าน ร่วมปกป้องป่า โดยมีการสร้างกฎกติกาดูแลรักษาป่า ควบคุมหมอกควัน ลาดตระเวนป้องกันการเกิดไฟป่า ทำแนวกันไฟ ทำฝายชะลอน้ำ ปลูกป่าทดแทน มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นแหล่งเรียนรู้พืชสมุนไพร เฝ้าระวังดูแลพื้นที่ให้ปลอดจากการเผา และบริหารให้มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในพื้นที่ให้เป็นไปอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ ภายใต้พื้นฐานของหลักเศรษฐกิจพอเพียง
จากนั้น คณะได้รับฟังบรรยายและศึกษาดูงาน “อุทยานแห่งชาติเขลางค์บรรพต” อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นเป็นพื้นที่ป่าที่สำคัญของ จ.ลำปาง เนื่องจากมีพื้นที่ป่าไม้ จำนวนกว่า 70,000 ไร่ อยู่ใกล้ตัวเมือง และในอดีตเป็นอุทยานที่มีปัญหาไฟป่าเป็นประจำ ดังนั้น เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว จึงมีมาตรการ “ชิงเก็บ ลดเผา”ประกาศปิดป่า และเดินลาดตระเวน เพื่อไม่ให้คนเข้าไปล่าสัตว์ป่า หาของป่า และจุดไฟเผา โดยมีการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาใช้ในการป้องกันและสนับสนุนภารกิจด้านไฟป่าในพื้นที่ เช่น การใช้ระบบ “Smart Patrol” หรือระบบลาดตระเวนที่มีการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) เพื่อวางแผนลาดตระเวน เก็บข้อมูล วิเคราะห์ประมวลผลในมาตรฐานเดียวกันทุกที่ และมีการใช้เครื่องบินอากาศยานไร้คนขับ (Drone) บินตรวจสอบบริเวณพื้นที่ป่า ซึ่งเป็นการเพิ่มศักยภาพในการป้องกัน ปราบปราม และการจัดการพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่มงานการประชาสัมพันธ์ / จัดทำ