ข่าวสาร ก.พ.ร.

สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับธนาคารโลกจัดประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล จากทีมวิจัยของธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี เพื่อรับฟังการประกาศผลการจัดอันดับความยาก–ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2019)

1 พ.ย. 2561
0

เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2561 เวลา 08.30 น. ณ ห้องประชุมสำนักงานธนาคารโลกประจำประเทศไทย ชั้น 30 อาคารสยามพิวรรธน์ สำนักงาน ก.พ.ร. ร่วมกับธนาคารโลกจัดประชุมผ่านระบบวีดิทัศน์ทางไกล(Teleconference) จากทีมวิจัยของธนาคารโลก ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อรับฟังการประกาศผลการจัดอันดับความยาก–ง่ายในการประกอบธุรกิจของธนาคารโลก (Doing Business 2019) โดยมีนายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการ ก.พ.ร. และGeorgia Wallen, Acting Country Manager, World Bank ร่วมแถลงผลการวิจัย Doing Business 2019
ธนาคารโลกประกาศผลการจัดอันดับความยากง่ายในการประกอบธุรกิจในรายงาน Doing Business 2019 ประเทศไทยมีค่าคะแนน Ease of Doing Business สูงขึ้น และยังคงอยู่ในกลุ่ม 30 ประเทศแรกของโลกจาก 190 ประเทศที่มีความง่ายในการประกอบธุรกิจ
ในรายงาน Doing Business 2019 ค่าคะแนนของไทยขยับจาก 77.39 เป็น 78.45 คะแนน แต่อันดับลดลง 1 อันดับ จากอันดับที่ 26 เป็นอันดับที่ 27 ค่าคะแนนที่เพิ่มขึ้นส่งสัญญาณที่ดีในการปฏิรูปการบริการภาครัฐ ว่า การขับเคลื่อนการปฏิรูปและนโยบายของรัฐบาลในการก้าวไปสู่ Thailand 4.0 ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ในปี 2018 ประเทศไทย ได้มีปฏิรูปเพื่ออำนวยความสะดวกในการประกอบธุรกิจอย่างก้าวกระโดดจนอันดับขยับขึ้นถึง 20 อันดับ

สำหรับในปีนี้ ในตัวชี้วัดรายด้านพบว่า ด้านที่มีค่าคะแนนและอันดับสูงขึ้นมี 5 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการชำระภาษี (ดีขึ้น 8 อันดับ) (2) ด้านการขอใช้ไฟฟ้า (ดีขึ้น 7 อันดับ) (3) ด้านการแก้ปัญหาการล้มละลาย (ดีขึ้น 2 อันดับ) (4) ด้านการจดทะเบียนทรัพย์สิน (ดีขึ้น 2 อันดับ) (5) ด้านการคุ้มครองผู้ลงทุน เสียงข้างน้อย (ดีขึ้น 1 อันดับ) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ด้านการขอใช้ไฟฟ้า กระโดดขึ้นสู่อันดับที่ 6 กลายเป็นกลุ่ม Top 10 ของโลก
นอกจากนี้ธนาคารโลกยังระบุในรายงานถึงการปฏิรูปสำคัญของประเทศไทยอีก 4 ด้าน คือ
1. ด้านเริ่มต้นธุรกิจ ได้ปรับปรุงค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนบริษัทจำกัดใหม่เป็นแบบอัตราคงที่ (flat rate) ในอัตราเดียว คือ 5,500 บาท ส่งผลให้ผู้ประกอบการเสียค่าธรรมเนียมถูกลง

2. ด้านการขอใช้ไฟฟ้า ที่ปรับกระบวนการในการเสนอ และพิจารณาค่าไฟฟ้าโดยอัตโนมัติ (ค่า Ft) ให้สามารถเปิดเผยการเปลี่ยนแปลงอัตราค่า Ft แก่ผู้ใช้ไฟฟ้า ล่วงหน้าอย่างน้อย 1 รอบการชำระเงิน ส่งผลให้ค่าดัชนีความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูล
สูงขึ้น

3. ด้านการชำระภาษี ลดระยะเวลาที่ใช้ในการยื่นภาษีนิติบุคคลลง จาก 156 ชั่วโมง เหลือ 123 ชั่วโมง ซึ่งเป็นผลจากการพัฒนาโปรแกรม Spreadsheet สำหรับช่วยคำนวณรายการรายจ่ายทางภาษีสำหรับนิติบุคคล ที่ยื่น ภ.ง.ด. 50 ทั่วประเทศ ให้ง่าย รวดเร็ว และถูกต้องตามกฎหมายมากยิ่งขึ้น

4. ด้านการค้าระหว่างประเทศ เปิดให้บริการระบบการตัดบัญชีใบกากับการขนย้ายสินค้าทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Matching) เต็มรูปแบบ ผ่านระบบการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ณ จุดเดียว (National Single Window: NSW) ณ ท่าเรือแหลมฉบัง ช่วยลดระยะเวลาและขั้นตอนในการตรวจสอบเอกสารการส่งออก ซึ่งส่งผลต่อระยะเวลาที่ใช้ในการส่งออกสินค้า ผ่านแดนในภาพรวม

กลุ่มวิเทศสัมพันธ์และการประชาสัมพันธ์ / จัดทำ

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า