ข่าวสาร ก.พ.ร.

มติคณะรัฐมนตรีวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน

28 พ.ค. 2561
2

          คณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 ซึ่งมีพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ณ ห้องประชุม 501 ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล ได้พิจารณาเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสำนักงาน ก.พ.ร. คือ เรื่อง ขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชน

          สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) ได้แจ้งมติคณะรัฐมนตรีเรื่องดังกล่าวให้สำนักงาน ก.พ.ร. ทราบ ตามหนังสือ สลค. ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/16053 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 โดยมีสาระสำคัญ ดังนี้

          คณะรัฐมนตรีได้ประชุมปรึกษาเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2561 ลงมติว่า

          1. เห็นชอบการขอทบทวนมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 (เรื่อง การปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำหนดอัตราเงินเดือนฯ หลักเกณฑ์การกำหนดเบี้ยประชุมฯ และการพัฒนาการดำเนินงานและการประเมินผลองค์การมหาชน) วันที่ 19 พฤษภาคม 2552 (เรื่อง แนวทางการบริหารของคณะกรรมการองค์การมหาชน) และวันที่ 14 พฤษภาคม 2556 [เรื่อง การจัดกลุ่มองค์การมหาชน กรณีสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน)] เกี่ยวกับการบริหารองค์การมหาชน และขอจัดกลุ่มองค์การมหาชนตามความเห็นของคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชน ในการประชุมครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2560 และครั้งที่ 1/2561 เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2561 ตามที่สำนักงาน ก.พ.ร. เสนอ

          2. ให้สำนักงาน ก.พ.ร. จัดให้มีกลไกในการทบทวนความเหมาะสมของสัดส่วนค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรขององค์การมหาชนแต่ละแห่งอย่างต่อเนื่อง โดยคำนึงถึงภารกิจ รายได้ และเงินทุนสะสมของแต่ละองค์การมหาชน รวมทั้งยึดหลักการที่มิให้มีค่าใช้จ่ายด้านบุคลากรเกินกว่าความจำเป็นและไม่เป็นภาระงบประมาณของประเทศ และให้นำเสนอคณะกรรมการพัฒนาและส่งเสริมองค์การมหาชนพิจารณาเป็นประจำทุกปี เพื่อให้การบริหารทรัพยากรบุคคลขององค์การมหาชนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งให้รับความเห็นของกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงอุตสาหกรรม สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สำนักงบประมาณ และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติไปพิจารณาดำเนินการต่อไปด้วย

          3. ให้สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) และกระทรวงการคลัง (กรมธนารักษ์) เร่งดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา เสร็จสิ้นภายในระยะเวลาที่กำหนดตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2561 [เรื่อง ร่างพระราชกฤษฎีกาจัดตั้งสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ….] และให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การสวนสัตว์) ร่วมกับสำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) เร่งศึกษาแนวทางการโอนบรรดากิจการ ทรัพย์สิน สิทธิ หนี้ และงบประมาณของสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีไปเป็นของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (องค์การสวนสัตว์) รวมทั้งการแก้ไขกฎหมายขององค์การสวนสัตว์ให้สอดรับกับแนวทางการโอนสำนักงานเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี โดยให้ดำเนินการให้ถูกต้องตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อให้เป็นไปตามนัยมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2560 (เรื่อง รายงานการประเมินผลองค์การมหาชนตามข้อสั่งการนายกรัฐมนตรีเมือ่วันที่ 6 มกราคม 2558 เรื่องการทบทวนความจำเป็นในการมีอยู่ขององค์การมหาชน) ต่อไป

ที่มา : หนังสือ สลค. ด่วนที่สุด ที่ นร 0505/16053 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2561
กลุ่มวิเทศสัมพันธ์และการประชาสัมพันธ์ / จัดทำ
ภัทรพร (สลธ.) / รายงาน

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า