ข่าวสาร ก.พ.ร.

งานสัมมนาวิชาการนานาชาติ หัวข้อ “2024 KACPE International Public Policy Symposium – Strengthening the Comprehensive Strategic Partnership between Korea and ASEAN for Shared Future Development”

5 ก.ย. 2567
4

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2567 Korea Research Initiatives at university of New South Wales Australia (KRI@UNSW) ร่วมกับสำนักงาน ก.พ.ร. International Studies Center (ISC) Humanities Research Institute (HRI) Korea Foundation (KF) และ ASEAN Foundation Indonesia ได้จัดงานสัมมนาวิชาการนานาชาติ หัวข้อ “2024 KACPE International Public Policy Symposium – Strengthening the Comprehensive Strategic Partnership between Korea and ASEAN for Shared Future Development” ณ ห้อง Grand Ballroom ชั้น 4 โรงแรม Radison Blu Plaza Bangkok

         การจัดงานสัมมนาในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากนายดุสิต เมนะพันธุ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศกล่าวเปิดงาน และกล่าวต้อนรับโดยนางสาวอ้อนฟ้า เวชชาชีวะ เลขาธิการสำนักงาน ก.พ.ร. ดร. Seung – Ho Kwon ผู้อำนวยการบริหารจาก KRI@UNSW นาย Jang – keun Lee เอกอัคราชทูตเกาหลีประจำอาเซียน และนาย Hyun Soo Choi ผู้อำนวยการ Korea Foundation ณ กรุงจาการ์ต้า สาธารณรัฐอินโดนีเซีย อีกทั้งภายในงานยังได้รับเกียรติจากผู้ทรงคุณวุฒิและนักวิชาการทั้งจากประเทศไทยและต่างประเทศ เช่น เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย เวียดนาม พม่า และลาวเข้าร่วมด้วยงานสัมมนาวิชาการนานาชาติในครั้งนี้ได้แบ่งออกเป็น 4 หัวข้อ สรุปใจความสำคัญของแต่ละหัวข้อ ดังนี้

         – หัวข้อที่ 1 “Key Issues for the Comprehensive Strategic Partnership between Korea and ASEAN” มีใจความสำคัญ ดังนี้
           นอกจากความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นในทางการเมืองแล้ว หากต้องการให้ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมีความใกล้ชิดกันอย่างยั่งยืน ประเทศเกาหลีใต้และประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องยกระดับในเรื่องของเศรษฐกิจ นวัตกรรม เทคโนโลยี และ Softpower ซึ่งความสัมพันธ์เหล่านี้สามารถสร้างขึ้นได้ผ่านความร่วมมือในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางด้านภาษาและวัฒนธรรมระหว่างเยาวชนหรือกรอบความตกลงในด้านต่าง ๆ อีกทั้งประเทศสมาชิกอาเซียนเองก็ต้องพัฒนาทักษะทรัพยากรมนุษย์ในประเทศของตนให้มีความรู้และทักษะต่าง ๆ เพื่อที่จะสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงได้อย่างทันท่วงทีไม่ว่าจะเป็นในด้านของภาษา ทักษะทางด้านดิจิทัล และทักษะด้าน Soft Skill ต่าง ๆ

         – หัวข้อที่ 2 “Collaboration of Educational Exchange in Higher Education between ASEAN and Korea” มีใจความสำคัญ ดังนี้
การยกระดับการศึกษาระดับอุดมศึกษาระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีใต้นั้นมีความท้าทายเป็นอย่างมาก หากต้องการให้ความสำเร็จเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมจะต้องดำเนินการภายใต้ 4 หัวข้อหลัก คือ

           1) การทำให้ทุกคนจากทุกภาคส่วนเข้าถึงระบบการศึกษาได้อย่างทั่วถึงและเท่าเทียม
           2) การปรับหลักสูตรที่แตกต่างกันให้มีความสอดคล้องกันโดยการสร้างเครือข่ายและสื่อสารให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน
           3) การประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสร้างความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างภาคการศึกษา ในประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีใต้ และควรที่จะต้องส่งเสริมการแลกเปลี่ยนนักศึกษาหรือ Student Exchange Program ให้มีมากขึ้นเพื่อทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม
          4) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียเกี่ยวกับภาคการศึกษาของประเทศสมาชิกอาเซียนและสาธารณรัฐเกาหลีใต้ จะต้องร่วมมือกันลดข้อจำกัดทางด้านการศึกษาเพื่อสร้างโอกาสใหม่ ๆ ให้แก่เยาวชนและประชาชน

         – หัวข้อที่ 3 “Sharing Knowledge in the Area of Digital Transformation for National Development” มีใจความสำคัญ ดังนี้
เทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมให้เดินหน้าต่อไปได้อย่างมั่นคงเพราะช่วยทำให้เศรษฐกิจทั้งภายในและระหว่างประเทศเติบโตและสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ที่ทำให้คนในสังคมมีวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น อีกทั้งทำให้แต่ละประเทศสามารถแข่งขันในตลาดการค้าโลกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ในปัจจุบัน AI สามารถช่วยผ่อนแรงในด้านต่าง ๆ และทำหน้าที่แทนมนุษย์เพื่อทำให้เกิดผลิตภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตามต้องตระหนักอยู่เสมอว่า AI สามารถเป็นบ่อเกิดความไม่เท่าเทียมกันในสังคมได้ ดังนั้น แต่ละประเทศโดยเฉพาะประเทศ CLMV ควรจะต้องออกนโยบายที่ป้องกันความเสี่ยงไม่ว่าจะเป็นในด้านความมั่นคงทางด้านการเมือง เสถียรภาพทางการแสดงความคิดเห็นของผู้คนในสังคมที่จะเกิดขึ้นหลังจากการนำ AI เข้ามาประยุกต์ใช้ในการทำงานด้วย

         – หัวข้อที่ 4 “Plenary Session” โดยวิทยากรได้อภิปรายร่วมกันว่า หากต้องการให้สาธารณรัฐเกาหลีและประเทศสมาชิกอาเซียนมีความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนควรจะต้องดำเนินการ ดังนี้

           1) ประเทศสมาชิกอาเซียนจะต้องปรับปรุงคุณภาพต่าง ๆ ให้มีประสิทธิภาพมากพอที่จะสามารถเข้าสู่สนามแข่งขันและพร้อมก้าวเดินไปกับเกาหลีใต้ได้
           2) ประเทศสมาชิกอาเซียนควรแบ่งปันข้อมูลที่มีประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมกับเกาหลีใต้เพื่อใช้ข้อมูลเหล่านั้นวิเคราะห์และพิจารณารูปแบบการช่วยเหลือในด้านขีดความสามารถและการระดมทุน การลงทุน และการวิจัยและพัฒนาในด้านต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับแต่ละประเทศ ในขณะเดียวกันเกาหลีใต้ควรแบ่งปันข้อมูลเกี่ยวกับการพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีและวิธีการบริหารจัดการทางด้านวัฒนธรรมให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
           3) เกาหลีใต้และประเทศสมาชิกอาเซียนควรที่จะออกมาตรการหรือนโยบายที่สอดคล้องกันทางด้านสังคมและการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เพื่อทำให้ช่องว่างในด้านต่าง ๆ ลดลงและมีโอกาสเพิ่มขึ้น
และ
          4) เกาหลีใต้และประเทศสมาชิกอาเซียนควรให้ความสำคัญกับเรื่องการแลกเปลี่ยนนักศึกษา การสร้างเครือข่ายและการวิจัยเชิงลึกระหว่างกันมากขึ้นเพื่อกระชับความสัมพันธ์ด้านสังคม เศรษฐกิจและการเมือง และที่สำคัญที่สุดเกาหลีใต้และประเทศสมาชิกอาเซียนควรที่จะเน้นภารกิจด้านความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกันให้มากที่สุดเพื่อความยั่งยืน

         กองยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบราชการ #2024KACPE #OPDCxKRI #GlobalPartnership

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า