ข่าวสาร ก.พ.ร.

การประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานของรัฐในการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยต่อการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่าของสหภาพยุโรป (EU Deforestation Regulation: EUDR)

4 ก.พ. 2568
28

🌳วันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 09.00 น. สำนักงาน ก.พ.ร. ได้จัดการประชุมหารือเกี่ยวกับแนวทางการบูรณาการการทำงานระหว่างหน่วยงานของรัฐในการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยต่อการบังคับใช้กฎหมาย EUDR ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในเดือนธันวาคม 2568 ณ ห้องประชุม ก.พ.ร. ชั้น 5 สำนักงาน ก.พ.ร. โดยมี นางสาววิริยา เนตรน้อย รองเลขาธิการ ก.พ.ร. เป็นประธานในการประชุม พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)

📌สาระสำคัญของการประชุม

     1️⃣ กฎหมาย EUDR กำหนดให้สินค้า 7 กลุ่ม ได้แก่ ยางพารา ปาล์มน้ำมัน วัว ไม้ กาแฟ โกโก้ และถั่วเหลือง รวมถึงผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสินค้าดังกล่าว ที่นำเข้าสหภาพยุโรปต้องไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าหรือการทำให้ป่าเสื่อมโทรมตลอดห่วงโซ่อุปทาน และต้องสามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาของวัตถุดิบได้

     2️⃣ การเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยต่อการบังคับใช้กฎหมาย EUDR มีประเด็นสำคัญที่ภาคเอกชนต้องการการสนับสนุนเร่งด่วนจากหน่วยงานภาครัฐ ดังนี้
          (1) การจัดทำแผนที่ระบุตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ของแปลงเกษตร (Geolocation Map) ที่เชื่อมโยงกับฐานข้อมูลการจดทะเบียนเกษตรกร
          (2) การพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability system) สำหรับสินค้าเกษตรที่อยู่ภายใต้มาตรการ EUDR
โดยผู้แทนหน่วยงานภาครัฐได้แลกเปลี่ยนข้อมูลผลการดำเนินงานที่ผ่านมา (As Is) และแนวทางการดำเนินงานในอนาคต (To be) ที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสำคัญดังกล่าว

     3️⃣เพื่อให้การดำเนินการข้างต้นเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ประชุมเห็นว่าควรดำเนินการ ดังนี้
          (1) การทดลองใช้แพลตฟอร์ม Geolocation Map ที่พัฒนาโดยศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) เชื่อมโยงกับข้อมูลแผนที่แนวเขตที่ดินของรัฐแบบบูรณาการ มาตราส่วน 1 : 4000 (One Map) ของสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติและ ฐานข้อมูลการจดทะเบียนเกษตรกร เพื่อรับรองว่าพื้นที่แปลงปลูกไม่เกี่ยวข้องกับการตัดไม้ทำลายป่าและถูกต้องตามกฎหมายของไทยตามที่ EUDR กำหนด
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดพื้นที่นำร่อง (Sandbox) ใน 3 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดบุรีรัมย์ ชลบุรี และสุราษฎร์ธานี และกลุ่มสินค้าเป้าหมายคือ ปาล์มน้ำมันและยางพารา
          (2) การเจรจากับสหภาพยุโรปเพื่อกำหนดแนวทางที่ชัดเจนสำหรับการพัฒนาระบบตรวจสอบย้อนกลับของไทยให้เป็นที่ยอมรับระดับสากลและสอดคล้องกับ EUDR

     4️⃣แนวทางการดำเนินงานระยะต่อไป
          (1) สำนักงาน ก.พ.ร. จะหารือร่วมกับหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อออกแบบแนวทางบูรณาการการทำงานในการทดลองนำร่องจัดทำ Geolocation Map ภายใต้กระบวนการห้องปฏิบัติการนวัตกรรมภาครัฐ (Government Innovation Lab: Gov Lab)
          (2) สำนักงาน ก.พ.ร. จะหารือร่วมกับ ส.อ.ท. และหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง อาทิ การยางแห่งประเทศไทย สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า และ สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม เพื่อรวบรวมองค์ความรู้ที่เกี่ยวข้องและโอกาสในการพัฒนาระบบการตรวจสอบย้อนกลับ และจะประสานข้อมูลดังกล่าวให้สำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษตรและอาหารแห่งชาติ ในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการระดับชาติเพื่อแก้ไขปัญหาสินค้าเกษตรที่ได้รับผลกระทบภายใต้ EUDR เพื่อกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพและแนวทางปฏิบัติต่อไป

#เตรียมความพร้อมEUDR #สินค้าที่ปลอดจากการตัดไม้ทำลายป่า #ความร่วมมือภาครัฐเอกชน #GovLab #Geolocation Map

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ คุณสามารถศึกษารายละเอียดได้ที่ นโยบายคุ้กกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวเองได้ของคุณได้เองโดยคลิกที่ปุ่มตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    คุกกี้ประเภทนี้มีความจำเป็นต่อการให้บริการเว็บไซต์ของ สำนักงาน ก.พ.ร. เพื่อให้ท่านสามารถเข้าใช้งานในส่วนต่าง ๆ ของเว็บไซต์ได้ รวมถึงช่วยจดจำข้อมูลที่ท่านเคยให้ไว้ผ่านเว็บไซต์ การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ท่านไม่สามารถใช้บริการในสาระสำคัญของ สำนักงาน ก.พ.ร. ซึ่งจำเป็นต้องเรียกใช้คุกกี้ได้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์และประเมินผลการใช้งาน (Performance Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้ช่วยให้ ก.พ.ร. ทราบถึงการปฏิสัมพันธ์ของผู้ใช้งานในการใช้บริการเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. รวมถึงหน้าเพจหรือพื้นที่ใดของเว็บไซต์ที่ได้รับความนิยม ตลอดจนการวิเคราะห์ข้อมูลด้านอื่น ๆ ก.พ.ร. ยังใช้ข้อมูลนี้เพื่อการปรับปรุงการทำงานของเว็บไซต์ และเพื่อเข้าใจพฤติกรรมของผู้ใช้งานมากขึ้น ถึงแม้ว่า ข้อมูลที่คุกกี้นี้เก็บรวบรวมจะเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ และนำมาใช้วิเคราะห์ทางสถิติเท่านั้น การปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะส่งผลให้ ก.พ.ร. ไม่สามารถทราบปริมาณผู้เข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์ และไม่สามารถประเมินคุณภาพการให้บริการได้

  • คุกกี้เพื่อการโฆษณาไปยังกลุ่มเป้าหมาย (Targeting Cookies)

    คุกกี้ประเภทนี้เป็นคุกกี้ที่เกิดจากการเชื่อมโยงเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม ซึ่งเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานและเว็บไซต์ที่ท่านได้เข้าเยี่ยมชม เพื่อนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่นที่ไม่ใช่เว็บไซต์ของ ก.พ.ร. ทั้งนี้ หากท่านปิดการใช้งานคุกกี้ประเภทนี้จะไม่ส่งผลต่อการใช้งานเว็บไซต์ของ ก.พ.ร. แต่จะส่งผลให้การนำเสนอสินค้าหรือบริการบนเว็บไซต์อื่น ๆ ไม่สอดคล้องกับความสนใจของท่าน

บันทึกการตั้งค่า